นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(กบข.) เปิดเผยว่าตลอดระยะเวลา 12 ปีที่ผ่านมา กบข. ได้มีการจัดสัดส่วนการลงทุนของกองทุนให้สอดคล้องกับเป้าหมายของกองทุนเงินออมระยะยาว โดยกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เพื่อเพิ่มโอกาสของการได้รับผลตอบแทนหรือดอกเบี้ยที่ดีกว่าการฝากเงินและการลงทุนพันธบัตรรัฐบาลอย่างเดียว ซึ่งการลงทุนในสินทรัพย์ที่มั่นคงหรือที่เรียกว่าเสี่ยงต่ำนั้น จะทำให้ได้รับผลตอบแทนที่ต่ำและไม่สามารถเอาชนะอัตราเงินเฟ้อในระยะยาวได้ ดังนั้น การลงทุนของ กบข. จึงจำเป็นต้องกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์อื่นๆ ที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนมากกว่า ทั้งการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ การลงทุนทางเลือกอื่นๆ หรือการลงทุนในตราสารทุนทั้งในและต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการด้านการลงทุนของ กบข. นั้นได้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ. กบข. ตามมาตรา 70 และกฎกระทรวงที่ว่าด้วยเรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการเงินของ กบข. ซึ่งได้กำหนดให้ กบข. ต้องลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูงไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 40 จึงจะสามารถนำไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ได้
ด้วยเหตุนี้ กบข. ซึ่งเป็นกองทุนเงินออมระยะยาวเพื่อการเกษียณ ได้ใช้หลักการรูปแบบเดียวกันกับกองทุนเงินออมระยะยาวทั่วโลก ซึ่งสำหรับสมาชิก กบข. โดยเฉลี่ยแล้วสมาชิกจะมีระยะเวลาการเป็นสมาชิกอีกถึง 12 ปี จึงจะเกษียณอายุราชการ ดังนั้น กว่าจะถึงวันเกษียณอายุ เงินต้นและผลประโยชน์ของสมาชิกก็จะถูกนำไปลงทุนหาผลประโยชน์เพิ่มเติมอยู่อย่างต่อเนื่อง สมาชิกจึงควรให้ความสำคัญกับการพิจารณาผลตอบแทนสะสมในระยะยาวมากกว่าการพิจารณาผลตอบแทนระยะสั้นเป็นรายวัน รายเดือน หรือรายปี ซึ่งการมองภาพการลงทุนในช่วงเวลาสั้นๆนั้นอาจพบความผันผวนได้ทั้งที่เป็นบวกและลบ ดังนั้น จึงต้องให้ความสำคัญกับการวัดผลตอบแทนในรูปแบบระยะยาว ซึ่งหมายถึงราย 3 ปี 5 ปี หรือ 10 ปี
อย่างไรก็ตาม กบข. มีการปรับและพัฒนาตัวเทียบวัดที่เหมาะสม มีการทบทวนและประเมินผลการจัดสรรเงินลงทุน และมีการกำกับการบริหารการลงทุนที่ดีตามมาตรฐานสากลเสมอมา ทั้งนี้ สมาชิก กบข. สามารถเชื่อมั่นต่อการดำเนินงานของ กบข. ในการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับสมาชิกซึ่งนับแต่ตั้งกองทุนมายังคงดำเนินการได้ตามเป้าหมาย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
ศูนย์บริการข้อมูลสมาชิก กบข. โทร. 1179 กด 6 [email protected] / www.gpf.or.th