ดร.สุนันทา ไชยสระแก้ว ผู้อำนวยการหลักสูตร MBA สาขาการจัดการธุรกิจค้าปลีกและ แฟรนไชส์ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ให้ความเห็นว่า มีความเป็นไปได้ที่ไทยจะยกระดับเป็นศูนย์กลางธุรกิจแฟรนไชส์ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใน 5 ปี ข้างหน้า ทั้งนี้ เนื่องจาก มีภาครัฐมีการส่งสริมพัฒนาแฟรนไชซอร์อย่างต่อเนื่อง ทำให้ระบบการบริหารจัดการมีมาตรฐาน มีการพัฒนาด้านเทคโนโลยี และเครื่องมือทางการตลาดใหม่ๆ รวมถึงการสร้างบุคลากรเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ ซึ่งยุทธศาสตร์ที่สำคัญประการหลังนี้ เกี่ยวข้องกับการพัฒนาบุคลากรเฉพาะด้าน เป็นประเด็นที่ทุกฝ่ายให้ความสำคัญแต่การขาดการดำเนินการที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม
ที่ผ่านมากระบวนการในระดับต้นน้ำยังไม่มีการลงลึก หรือจัดทำเป็นหลักสูตรการศึกษา ในระดับอุดมศึกษาที่ตรงตามความต้องการของภาคธุรกิจแฟรนไชส์ มหาวิทยาลัยศรีปทุมเองได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในกระบวนการสร้างคนที่มีความรู้และความเข้าใจ เพื่อป้อนบุคลากรที่มีคุณภาพเข้าสู่ตลาดแฟรนไชส์ที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยหลักสูตรที่มหาวิทยาลัยศรีปทุมได้ทำการเปิดสอนในปีนี้ คือ หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาการจัดการธุรกิจค้าปลีกและแฟรนไชส์ เพื่อให้ผู้เรียนได้รับองค์ความรู้ที่ได้มีการพัฒนาจากประสบการณ์ทางวิชาชีพที่แท้จริง เพื่อตอบสนองความต้องการของภาคธุรกิจเอกชน และสอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาล ทั้งนี้เพื่อยกระดับธุรกิจไทยให้มีความแข็งแกร่ง และสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศ นำไปสู่เศรษฐกิจมั่นคงต่อไป
ปัจจุบันบุคลากรที่มีความรู้เรื่องระบบค้าปลีก แฟรนไชส์ ของไทยยังมีน้อยมาก ทำให้ภาคอุตสาหกรรมค้าปลีกรายใหญ่ กลุ่มโมเดิร์นเทรด และผู้ประกอบการรายย่อยต่างประสบปัญหาและสร้างบุคลากรเฉพาะด้านขึ้นมารองรับ แต่ก็ยังไม่เพียงพอ จึงเป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐบาล เอกชน สถาบันศึกษา เร่งผลิตและอบรมบุคลากรคุณภาพเพื่อรองรับธุรกิจค้าปลีกและ แฟรนไชส์ ให้มีโอกาสเติบโต เมื่อส่งเสริมและผลักดันให้ผู้ประกอบไทยเข้มแข็งแล้วเชื่อว่าส่งผลดีต่อเศรษฐกิจภาพรวมต่อไป นับว่าธุรกิจแฟรนไชส์คือรากฐานหลักของประเทศ
ด้านนายสุภัค หมื่นนิกร กรรมการกิตติมศักดิ์ สมาคมธุรกิจแฟรนไชส์และเอสเอ็มอีไทย กล่าวในทิศทางเดียวกันว่า การสร้างบุคลากรด้านแฟรนไชส์ถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก และเป็นต้นน้ำในการพัฒนาสู่กลางน้ำ และปลายน้ำต่อไป โดยการพัฒนาคน ให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ๆ และเข้าใจในระบบแฟรนไชส์อย่างลึกซึ้ง จะเป็นตัวแปรสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถของแฟรนไชส์ไทยให้แข่งขันในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ โดยคู่แข่งสำคัญของไทย คือสิงคโปร์ และมาเลเซีย
ประเทศไทยเองนับว่ามีจุดแข็งสำคัญ เป็นประเทศที่มีอู่ข้าวอู่น้ำ มีตัวสินค้าที่ดีค่อนข้างเยอะ และเป็นประเทศที่น่าลงทุน แฟรนไชส์ไทยถือเป็นธุรกิจที่น่าสนใจ ซึ่งภาครัฐพยายามทำการตลาด อย่างจริงจังมาตลอด 10 ปี ตั้งแต่การโรดโชว์ การอบรมแฟรนไชซอร์ รวมถึงการขับเคลื่อนเรื่อง ข้อกฏหมายแฟรนไชส์เมื่อปี 2551 ที่ผ่านมา โดยมีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เป็น เซ็นเตอร์หลัก
ทั้งนี้ข้อกฎหมายดังกล่าวกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา โดยยังไม่สรุป เนื่องจากการเปลี่ยน ถ่ายรัฐบาลหลายครั้ง ทำให้เกิดความล่าช้า สำหรับการที่ไทยจะเป็น Franshise Hub ได้ไม่ไกลเกินเอื้อม คาดว่าภายใน 5 ปีข้างหน้านี้ไทยจะเป็นศูนย์กลางแห่งธุรกิจแฟรนไชส์
ส่วนการเตรียมความพร้อมในภาคผู้ประกอบการ และแฟรนไชซอร์เองที่จะเป็นกุญแจสำคัญในการผลักดันให้ไทยเป็นฮับได้ นอกเหนือจากการพัฒนาองค์ความรู้ในระดับต้นน้ำแล้ว ควรมีหลักการสำคัญ 5 แนวทาง ดังนี้
1. ต้องเป็นธุรกิจที่มีโอกาสทางการตลาดอย่างแท้จริง
2. ต้องเป็นธุรกิจระยะยาว ไม่ใช่กระแสแบบมาเร็วไปเร็ว
3.ต้องมีร้านต้นแบบ มีความเชื่อถือ
4.มีตัวเลขอ้างอิงของธุรกิจ
5.ต้องมีทีมงานสนับสนุนแฟรนไชซี
อย่างไรก็ตามการพัฒนาคนให้เกิดองค์ความรู้ นับเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งที่จะสานต่อให้เกิด การพัฒนาระบบแฟรนไชส์ไทยให้ยั่งยืนต่อไป และสู่แฟรนไชส์ ฮับในอีก 5 ปีข้างหน้าอย่างที่คาดการณ์ไว้อย่างแน่นอน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
บริษัท ซิน คัมปานี จำกัด
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02 884 4711