กรมวิทยาศาสตร์บริการ จับมือกับ ภาคอุตสาหกรรม ประชุมระดมสมอง เร่งพัฒนาการให้บริการเทียบมาตรฐานสากลประกาศพร้อมติดปีกอุตสาหกรรมไทยโกอินเตอร์

จันทร์ ๒๐ เมษายน ๒๐๐๙ ๑๖:๓๕
นายปฐม แหยมเกตุ (แถวหน้าที่ 4 จากซ้าย) อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ เป็นประธานในการประชุมหารือเรื่อง “ การบูรณาการ ของ กรมวิทยาศาสตร์บริการ(DSS) กับ ภาคอุตสาหกรรม ครั้งที่ 1/2552 ” เพื่อแสวงหาความร่วมมือและเตรียมความพร้อมมุ่งบูรณาการงานของกรมวิทยาศาสตร์บริการ กับภาคอุตสาหกรรม (การนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด) โดยได้มีการนำเสนอ ปัญหา-อุปสรรค ตลอดจน แนวโน้มและความต้องการของภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย ที่กรมวิทยาศาสตร์บริการในฐานะภาครัฐ จะเข้าไปให้บริการด้านวิเคราะห์ทดสอบ เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตสินค้าไทยให้ได้มาตรฐานสากล และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดโลกต่อไป โดยมีผู้บริหารจากกรมฯและภาคอุตสาหกรรม รวม 40 คนเข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมชั้น 6 อาคารตั้ว ลพานุกรม เมื่อเร็วๆนี้

ผู้บริหารจากภาคอุตสาหกรรม (การนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด) ประกอบด้วย ดร.สมาน ตั้งทองทวี : รองผู้ว่าการนิคมแห่งประเทศไทย, ดร.นิลสุวรรณ ลีลารัศมี : รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.มนตรี จุฬาวัฒนทล : ที่ปรึกษาฝ่ายพัฒนาและประกันคุณภาพวิชาการ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล, ดร.พีระวัฒน์ สมนึก : ผู้จัดการบริษัท โปร เพท ( ประเทศไทย) จำกัด , นายฐิติ ตัณฑสุทธิ์ : ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้าน GMP ทางเครื่องสำอางค์ของ สวทช., นายพีระวัฒน์ รุ่งเรืองศรี : ผู้อำนวยการสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด, นายสมเกียรติ สุพรรณชนะบุรี : ผู้อำนวยการฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ เป็นต้น

นายปฐม แหยมเกตุ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้กล่าวในการเปิดประชุมหารือเรื่อง การบูรณาการ ของ วศ. กับภาคอุตสาหกรรม ครั้งที่ 1/2552 ว่า “ กรมวิทยาศาสตร์บริการ มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากว่า 118 ปี ตั้งแต่สมัยก่อตั้งเป็นหน่วยงานเล็กๆ ที่ชื่อว่า สถานปฎิบัติการวิเคราะห์แร่(ห้องแยกแร่) ที่ผ่านมาข้าราชการทุกคนต่างก็มุ่งเน้นที่จะพัฒนาองค์กรให้เป็นไปในทิศทางเดียวกับวิสัยทัศน์ของกรมฯ ที่วางไว้ว่าจะทำให้กรมวิทยาศาสตร์บริการ เป็นองค์กรที่มีความสามารถเป็นเลิศในการให้บริการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีคุณภาพได้มาตรฐานสากล ตอบสนองความต้องการทางเศรษฐกิจ สังคมของประเทศไทยได้อย่างทันสมัยและยั่งยืน โดยมีภารกิจให้บริการทางวิทยาศาสตร์ ดำเนินการกำกับดูแลส่งเสริม วิจัยพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งเป็นสถานปฏิบัติการกลางทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ เพื่อเสริมสร้างการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ความสามารถในการแข่งขันของประเทศและการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน”

นายปฐม กล่าวเพิ่มเติมว่า “ทุกองคาพยพของกรมวิทยาศาสตร์บริการในขณะนี้ พร้อมจะให้บริการโดยดำเนินการให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม ปัญหาและอุปสรรคใดๆที่เกิดขึ้นก็ต้องได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที ดังนั้น ในการประชุมหารือครั้งนี้ กรมฯจึงได้เรียนเชิญภาคอุตสาหกรรมเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นและนำเสนอถึงความต้องการจากภาคอุตสาหกรรม เพื่อภาครัฐจะได้นำข้อเสนอต่างๆเหล่านี้ไปปรับใช้ในการพัฒนางานบริการของกรมวิทยาศาสตร์บริการให้ดีขึ้นและทันสมัยตอบสนองได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้มุ่งเพิ่มศักยภาพการผลิตสินค้าไทยให้ได้มาตรฐานสากล และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดโลกต่อไป”

ดร.นิลสุวรรณ ลีลารัศมี : รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้กล่าวถึงความต้องการของภาคอุตสาหกรรมว่า “อยากเห็นการทำงานของกรมวิทยาศาสตร์บริการ มีการปรับปรุงให้ทันสมัยสามารถรองรับกับการแข่งขันในเวทีการค้าโลกได้ ยกตัวอย่างจากกรณีของกุ้งกุลาดำที่มีปัญหาไม่ผ่านการตรวจสอบของตลาดภาคพื้นยุโรป ส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหาการขาดแคลนอุปกรณ์ในการตรวจสอบที่ได้มาตรฐาน คนไทยส่งกุ้งไปยุโรปก็โดนตรวจพบสารปนเปื้อนจำนวนหลายล๊อตจนกระทั่งมีปัญหาเป็นข่าวใหญ่โต ถ้าภาครัฐไทยสนับสนุนการจัดหาเครื่องมือในการตรวจสอบการปนเปื้อนที่มีมาตรฐานเทียบเท่ากับทาง EU ได้ ปัญหาเหล่านี้คงไม่เกิดขึ้น ซึ่งทางกรมวิทยาศาสตร์บริการ สามารถพัฒนาทั้งอุปกรณ์และบุคลากรของหน่วยงานให้ทันสมัยในเรื่องเหล่านี้ หรืออาจจะใช้วิธีร่วมมือกับภาคเอกชนเพื่อซื้อเครื่องมือตรวจหาสารปนเปื้อนที่ราคาค่อนข้างสูง เป็นการเฉลี่ยภาระค่าใช้จ่าย แต่ได้ผลประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย ก็จะเป็นทางออกที่ดีประการหนึ่ง”

ดร.สมาน ตั้งทองทวี : รองผู้ว่าการนิคมแห่งประเทศไทย ได้กล่าวถึงเรื่องของความร่วมมือนี้ว่า “โดยปกติภาคอุตสาหกรรมบ้านเรานั้นมีหลากหลายระดับ ถ้าเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ก็อาจจะไม่มีปัญหาเรื่องเงินทุนหรือเครื่องมือ เพราะส่วนใหญ่มักมีพาร์ทเนอร์ร่วมทุนจากต่างชาติ ซึ่งมีความพร้อมเรื่องเทคโนโลยีค่อนข้างสูง มีทั้งการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างสมบูรณ์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก แต่กลุ่มอุตสาหกรรมระดับ SMEs ซึ่งประเทศไทยก็พยายามปลุกปั้นให้เป็นกองทัพเศรษฐกิจนั้น ไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้เพราะขาดความพร้อมเรื่องกำลังทรัพย์และเทคโนโลยี ต้องรอการสนับสนุนจากภาครัฐ ดังนั้น ทางกรมวิทยาศาสตร์บริการควรเร่งตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กเหล่านี้ เพื่อให้ SMEs เป็นกองทัพมดที่แข็งแกร่งของประเทศต่อไป”

ดร.มนตรี จุฬาวัฒนทล : ที่ปรึกษาฝ่ายพัฒนาและประกันคุณภาพวิชาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงการพัฒนาของกรมวิทยาศาสตร์บริการที่มุ่งเน้นการให้บริการเทียบมาตรฐานสากล และปรับปรุงให้เป็นสถานปฏิบัติการกลางทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยนั้น กรมวิทยาศาสตร์บริการจำเป็นต้องพัฒนาเรื่องของเทคโนโลยีควบคู่กันไปกับการปรับปรุงเรื่องสิ่งจูงใจในการทำงานให้กับบุคลากรด้วย เช่นเรื่องของค่าตอบแทน ค่าล่วงเวลา เพื่อจูงใจให้คนเก่งๆเข้ามาอยู่กับกรมฯมากขึ้น และภายใต้กรอบการทำงานแบบราชการ ทางกรมฯจึงต้องสร้างวัฒนธรรมในการทำงานให้ได้ใกล้เคียงกับภาคเอกชนมากขึ้น เพื่อให้บุคลากรเกิดความกระตือรือล้นในการทำงาน โดยได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมกับความรู้ความสามารถของตนเอง

นายสมเกียรติ สุพรรณชนะบุรี : ผู้อำนวยการฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ กล่าวเสนอความเห็นในการประชุมหารือครั้งนี้ว่า “รู้สึกยินดีเมื่อได้ยินว่าทางกรมวิทยาศาสตร์บริการ กำลังเร่งปรับปรุงการให้บริการของตนเองให้เป็นสากลยิ่งขึ้น ทั้งนี้เพราะกรอบการทำงานแบบราชการก็มีข้อจำกัดและเงื่อนไขหลายอย่างที่ไม่เอื้อต่อการพัฒนาองค์กร ซึ่งถ้าทางกรมฯมีความตั้งใจที่จะเพิ่มขีดความสามารถของหน่วยงานให้ทันสมัยและสามารถรองรับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมได้อย่างแท้จริง ตนก็อยากจะฝากให้ทางกรมวิทยาศาสตร์บริการ ให้ความสำคัญกับเรื่องของการพัฒนาและวิจัย R&Dเพิ่มขึ้นอีกแนวทางหนึ่ง นอกเหนือจากเรื่องการ Testing ที่ทำอยู่ในปัจจุบันนี้ด้วยเช่นกัน เพื่อให้หน่วยงานของกรมวิทยาศาสตร์บริการ สามารถรองรับและเป็นหน่วยงานอันดับต้นๆที่ภาคอุตสาหกรรมจะนึกถึงเมื่อต้องการความช่วยเหลือทางด้านนี้ในอนาคตต่อไป”

ในช่วงท้ายของการประชุมหารือครั้งนี้ นายปฐม แหยมเกตุ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ ได้กล่าวว่ารู้สึกพอใจในการหารือครั้งนี้ เพราะทำให้เกิดความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาหน่วยงานของกรมฯเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในยุคของข้อมูลข่าวสารและเทคโนโลยีเช่นนี้ กรมวิทยาศาสต์บริการก็กำลังเร่งปรับปรุงการทำงานอย่างเต็มความสามารถ เพื่อก้าวไปสู่ความเป็นมาตรฐานสากล ซึ่งยุทธศาสตร์ของกรมวิทยาศาสตร์บริการในยุคใหม่นี้ก็จะวางเป้าหมายไว้ที่การยกระดับภาพพจน์และการทำงาน จนถึงขั้นที่มาตรฐานห้องแลปของกรมฯ สามารถใช้เป็นแหล่งอ้างอิงที่น่าเชื่อถือและได้รับการยอมรับจากทุกหน่วยงานระดับประเทศและสากล ต่อไป

ปัจจุบัน หน่วยงานในสังกัดกรมวิทยาศาสตร์บริการ มีทั้งสิ้น 8 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานเลขานุการกรม, สำนักบริหารและรับรองห้องปฎิบัติการ, สำนักพัฒนาศักยภาพนักวิทยาศาสตร์ห้องปฎิบัติการ, สำนักเทคโนโลยีชุมชน, โครงการเคมี, โครงการฟิสิกส์และวิศวกรรม, โครงการวิทยาศาสตร์ชีวภาพ และสำนักหอสมุดและศูนย์สารสนเทศวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ขณะนี้ได้เร่งพัฒนางานการให้บริการในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การให้บริการวิเคราะห์ทดสอบวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ทางด้านฟิสิกส์ เคมี เคมีเชิงฟิสิกส์ ฟิสิกส์เชิงกลและวิศวกรรม และ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ รวมถึงการศึกษาวิจัยและพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชน การบริการหอสมุดและข้อมูลสารนิเทศวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับชาติ และ การพัฒนาระบบงานด้านคุณภาพและการรับรองความสามารถของห้องปฏิบัติการ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: บ.แอลคอม จำกัด (ที่ปรึกษางานประชาสัมพันธ์) โทร.02 -3752674-5 โทรสาร 02 -375 2670

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO