* รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.0
* อัตราส่วนเงินกองทุนแข็งแกร่งที่ร้อยละ 15.1
ธนาคารกรุงเทพรายงานผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาสแรกของปี 2552 มีกำไรก่อนภาษีเงินได้จำนวน 6,991 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 4 ปี 2551 ร้อยละ 0.1 ในขณะที่กำไรสุทธิมีจำนวน 4,754 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 8.3 จากไตรมาสก่อนหน้า
แม้สภาพเศรษฐกิจในขณะนี้จะไม่เอื้ออำนวย ธนาคารสามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ใน 4 ด้านสำคัญ คือ ด้านสภาพคล่อง ด้านรายได้ค่าธรรมเนียม ด้านคุณภาพสินเชื่อ และด้านสถานะเงินกองทุน ทั้งนี้ ธนาคารสามารถรักษาสภาพคล่องให้อยู่ในระดับสูง โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 ธนาคารมีเงินฝากเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 จากสิ้นปี 2551 ส่งผลให้อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากอยู่ที่ร้อยละ 84.4 ซึ่งเป็นระดับที่น่าพอใจ นอกจากนี้ ธนาคารยังมีรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.0 จากไตรมาสก่อนหน้า ในขณะเดียวกันก็สามารถควบคุมระดับสินเชื่อด้อยคุณภาพได้ดี และดำรงอัตราส่วนเงินกองทุนเมื่อรวมกำไรและหักเงินปันผลแล้ว อยู่ที่ร้อยละ 15.1 ซึ่งเป็นระดับที่แข็งแกร่ง
รายละเอียดผลประกอบการในไตรมาสที่ 1 ที่สำคัญมีดังนี้คือ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 ธนาคารมีเงินฝากทั้งสิ้นจำนวน 1,338,841 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2551 จำนวน 27,364 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.1 อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการรณรงค์ขยายฐานเงินฝากอย่างสม่ำเสมอในจังหวะเวลาที่เหมาะสม ในขณะเดียวกัน ลูกค้าบางกลุ่มให้ความสนใจผลิตภัณฑ์ทางการเงินทางเลือกซึ่งให้ผลตอบแทนในอัตราที่ดึงดูดใจมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั๋วแลกเงิน บริการประกันชีวิตผ่านธนาคาร และหุ้นกู้ของบริษัทเอกชน
จากความพร้อมของธนาคารกรุงเทพในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า ด้วยเครือข่ายสาขาที่ครอบคลุม ผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย และบุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านการขาย ธนาคารจึงสามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิผล ส่งผลให้ฐานรายได้ค่าธรรมเนียมขยายตัวอย่างต่อเนื่องเสมอมา และในไตรมาสนี้ธนาคารมีรายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.0 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นจากหลายผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึง ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ บริการประกันชีวิตผ่านธนาคาร และกองทุนรวม เป็นต้น
นอกจากนี้ ธนาคารยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีพอสมควร โดยรายจ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.1 จากไตรมาสก่อนหน้า เป็น 9,523 ล้านบาท อัตราส่วนรายจ่ายต่อรายได้ในไตรมาสนี้อยู่ที่ร้อยละ 51.6 จากร้อยละ 50.5 ในไตรมาส 4 ปี 2551
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า "เนื่องจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจเริ่มส่งผลกระทบต่อลูกค้า ธนาคารจึงได้ดำเนินนโยบายให้บุคลากรของธนาคารดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิดกว่าเดิม เพื่อให้มีความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจของลูกค้าอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น รวมทั้งเข้าใจผลกระทบที่ลูกค้าได้รับจากวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งแนวทางนี้นอกจากจะช่วยให้ธนาคารสามารถกระชับสายสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น รวมถึงสนับสนุนลูกค้าได้ตามความเหมาะสมแล้ว ยังช่วยการควบคุมคุณภาพสินเชื่อได้ในระดับหนึ่ง" ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 สินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เป็นอัตราส่วนร้อยละ 4.8 ของสินเชื่อรวม จากอัตราส่วนร้อยละ 4.6 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551
ในไตรมาสนี้ธนาคารได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเป็นจำนวน 1,955 ล้านบาท และ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2552 ธนาคารมีสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 60,854 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพที่ร้อยละ 102.7
ส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 มีจำนวน 176,681 ล้านบาท โดยเมื่อนับรวมกำไรสุทธิครึ่งหลังของปี 2551 และไตรมาสแรกของปี 2552 และหักด้วยเงินปันผลที่จะจ่ายในเดือนพฤษภาคม ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นและเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยง อยู่ในระดับที่ประมาณร้อยละ 15.1 และร้อยละ 12.3 ตามลำดับ ซึ่งเป็นระดับที่แข็งแกร่งและสามารถสนับสนุนให้ธนาคารดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคงภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงผันผวนต่อเนื่อง
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
333 ถนนสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
โทรศัพท์ 0 2231 4333 Telex 82638 BKBANK TH www.bangkokbank.com