ททท. เสนอการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ Voluntourism การท่องเที่ยวเพื่อบำเพ็ญประโยชน์ ได้เที่ยว สนุก อิ่มเอมใจ

อังคาร ๒๑ เมษายน ๒๐๐๙ ๑๒:๔๖
ททท. เสนอการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ Voluntourism การเดินทางท่องเที่ยวแบบอาสาสมัคร เน้นจุดขาย “ได้เที่ยว สนุก อิ่มเอมใจ” ตั้งเป้าหมายแรกกลุ่มนิสิตนักศึกษา พร้อมคัดชุมชนนำร่อง 4 แห่ง บ้านถ้ำเต่า คลองตะเคียน เกาะเตียบ และบ้านนาตาโพ

นายวันเสด็จ ถาวรสุข รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ด้านตลาดในประเทศ เปิดเผยว่า โครงการ “ท่องเที่ยวเรียนรู้สู่ชุมชน” เป็นการนำเสนอการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ที่เรียกกันว่า Voluntourism หรือ การท่องเที่ยวเพื่อบำเพ็ญประโยชน์ ซึ่งริเริ่มโดยภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยในระยะแรกได้ตั้งเป้าหมายไปยังกลุ่มนิสิตนักศึกษา และอาจจะขยายผลไปยังกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ ในระยะถัดไป ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นการเปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาเดินทางไปท่องเที่ยวยังแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ในขณะเดียวกันก็ได้มีโอกาสเรียนรู้ในสิ่งที่แตกต่างออกไป อาทิ วิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรม ที่สำคัญ คือ ความแตกต่างในการดำเนินชีวิต ซึ่งเป็นการเปิดโลกทัศน์ของนิสิตนักศึกษาจากการท่องเที่ยว และสุดท้าย คือ นิสิตนักศึกษาเหล่านั้นได้แบ่งปันความรู้ ความสามารถ ความคิด รวมไปถึงหยาดเหงื่อและแรงกายของตนเองในการสร้างสรรค์ประโยชน์ และสิ่งดีงามให้แก่ชุมชนด้วย ในที่นี้เป็นการเสริมสร้างศักยภาพทางด้านตลาดของชุมชน ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นความสมบูรณ์แบบของการเดินทางท่องเที่ยว

“ในสมัยก่อน นิสิตนักศึกษาชาวต่างประเทศนิยมเก็บออมเงิน โดยมีเป้าหมายเพื่อเดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศต่าง ๆ ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายของกลุ่มนิสิตนักศึกษาเหล่านั้น พวกเขาไม่เพียงแต่จะเดินทางมาท่องเที่ยวเท่านั้น รูปแบบการท่องเที่ยวของเขายังรวมไปถึงการแบ่งปันความรู้ให้แก่คนในชุมชนต่าง ๆ ที่เขาเหล่านั้นไปเยือน ด้วยการสอนภาษาอังกฤษให้แก่คนในชุมชน ซึ่งเป็นรูปแบบการท่องเที่ยวที่ทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกอิ่มเอมใจ นอกไปจากได้ชมทัศนียภาพความงดงามของแหล่งท่องเที่ยว ต่าง ๆ เท่านั้น” นายวันเสด็จกล่าว

นายวันเสด็จกล่าวถึงความคาดหวังของโครงการต่อไปว่า “โครงการนี้ จะให้ประโยชน์ทั้งแก่ชุมชน และกลุ่มเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการ โดยกลุ่มเยาวชนจะได้มีโอกาสเรียนรู้ถึงวิถีชีวิต และวัฒนธรรมที่มีความแตกต่างไปในแต่ละพื้นที่ และที่นอกเหนือไปกว่านั้น คือพวกเขาจะได้เรียนรู้ว่าความรู้ของตนเองสามารถช่วยเสริมสร้างศักยภาพด้านการตลาดให้กับคนอื่น ๆ หรือแม้กระทั่งเสริมสร้างมุมมองทางด้านตลาดท่องเที่ยวของตนเองในอนาคต หากเขาจะประกอบอาชีพในธุรกิจท่องเที่ยว โครงการดังกล่าวจะทำให้พวกเขาเหล่านั้นมีความเข้าใจทางด้านการท่องเที่ยวมากขึ้น มีมุมมองทางด้านตลาดท่องเที่ยวที่กว้างขวางยิ่งขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศในอนาคต ทางด้านชุมชนหรือหมู่บ้านในพื้นที่ดังกล่าว จะได้รับประโยชน์จากการเสริมสร้างศักยภาพทางด้านตลาดของสินค้าท่องเที่ยวของชุมชน ไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยว ภูมิทัศน์ สินค้า อาหาร รวมไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ชุมชนจะรู้จักตัวเองมากขึ้น เข้าใจตัวเองมากขึ้น ถึงสินค้าท่องเที่ยวของเขาที่มีศักยภาพ ซึ่งเมื่อเขารู้จักตัวเองดีขึ้นแล้ว เขาจะสามารถเติบโตได้ถูกทาง และเป็นการเติบโตที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคตอย่างแน่นอน”

นางอรุณศรี ศรีเมฆานนท์ ศาสตรานิติ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวถึงการดำเนินโครงการว่า “การท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่นั้น แตกต่างจากการท่องเที่ยวในรูปแบบเดิม ด้วยการเพิ่มมิติของการเรียนรู้ และมิติของการแบ่งปันเข้าไปในการท่องเที่ยว ซึ่งทำให้การเดินทางท่องเที่ยวลงตัวไปด้วยมิติทั้งของ “ผู้ให้” และ “ผู้รับ” โดยกลุ่มเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการนั้น จะได้มีโอกาสท่องเที่ยว สนุกสนาน และอิ่มเอมใจจากสิ่งที่ตนเองได้เดินทางท่องเที่ยวในครั้งนี้

นางอรุณศรีกล่าวต่อว่า “ในระยะเริ่มต้น ททท. ได้คัดเลือกชุมชนเข้าร่วมโครงการ 4 แห่งด้วยกัน ได้แก่ ชุมชนบ้านถ้ำเต่า ต.สามัคคีพัฒนา อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร ชุมชนคลองตะเคียน ต.คลองตะเคียน อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งจะจัดกิจกรรมขึ้นในเดือนพฤษภาคมนี้ ชุมชนเกาะเตียบ บ้านปากคลอง หมู่ที่ 7 อ.ปะทิว จ.ชุมพร และบ้านนาตาโพ ต.บ้านบึง อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี ซึ่งจะจัดกิจกรรมขึ้นในเดือนตุลาคม จากนั้น ททท. ได้ดำเนินการสอบถาม ตลอดจนสำรวจความต้องการของชุมชนก่อนการดำเนินการ”

“ภายหลังจากการสำรวจความต้องการของชุมชน ททท. ประสานความร่วมมือไปยังสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ในการดำเนินการโครงการ อาทิ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยราชธานี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ฯลฯ แล้วจึงคัดเลือกเยาวชนที่มีความสนใจที่จะร่วมในโครงการ ตลอดจนมีความถนัดตามความต้องการของชุมชน โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เยาวชนกลุ่มดังกล่าวสามารถเดินทางท่องเที่ยวและเรียนรู้วิถีชีวิต และวัฒนธรรมของชุมชนนั้น ๆ ตลอดจนนำความรู้ของตนเองเสริมสร้างศักยภาพสินค้าทางการท่องเที่ยวของหมู่บ้าน ให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทางด้านแหล่งท่องเที่ยว ภูมิทัศน์ สิ่งแวดล้อม สินค้าหัตถกรรม อาหาร ฯลฯ” นางอรุณศรีกล่าว

นางอรุณศรีกล่าวปิดท้ายว่า การดำเนินโครงการดังกล่าวเป็นการบูรณาการความร่วมมือในการทำงานระหว่าง ททท. ชุมชน และสถาบันการศึกษา ซึ่งเป็นรูปแบบการบูรณาการความร่วมมือที่ดี และหวังว่าจะสามารถขยายผลต่อไปในอนาคต ทั้งนี้ สำหรับชุมชนที่เข้าร่วมโครงการนั้น จะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพทางด้านการตลาด รวมทั้งสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป นอกจากนี้ การท่องเที่ยวในรูปแบบอาสาสมัครยังสามารถขยายไปยังกลุ่มเป้าหมายกลุ่มต่าง ๆ ได้อีกด้วย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่โทร. 02 682 9880

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version