นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ว่า ที่ประชุมมีมติให้การส่งเสริมการลงทุน 10 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 24,426.6 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. บริษัท เอฟแอนด์เอ็น แดรี่ส์ ( ประเทศไทย ) จำกัด ได้รับการส่งเสริมลงทุนเพื่อโยกย้ายสถานประกอบการผลิตผลิตภัณฑ์จากนม จากจังหวัดปทุมธานี ไปตั้งอยู่ที่จังหวัดอยุธยา โดยมีมูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 1,068 ล้านบาท มีกำลังการผลิตจากผลิตภัณฑ์นม Sterilized ประมาณ 82,000 ตันต่อปี นม Evaporated ประมาณ 82,000 ตันต่อปี และนม Sweet Beverage Creamer ประมาณ 97,000 ตันต่อปี เพื่อจำหน่ายในประเทศร้อยละ 70 ต่างประเทศร้อยละ 30 ของมูลค่ายอดขาย
2. บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ ( ประเทศไทย ) จำกัด ได้รับการส่งเสริมลงทุนเพื่อขยายกิจการ ผลิตผงชูรส มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 5,345 ล้านบาท กำลังการผลิตประมาณ 64,000 ตันต่อปีใช้วัตถุดิบเป็นแป้งมันสำปะหลัง 84,000 ตันต่อปี ซึ่งเมื่อรวมกับความต้องการใช้แป้งมันสำปะหลังของโครงการเดิมแล้วจะสูงถึง 334,000 ตันต่อปี โดยจะจำหน่ายสินค้าในประเทศทั้งหมด เพื่อรองรับความต้องการใช้ผงชูรสในประเทศที่เติบโตต่อเนื่อง โครงการนี้คิดเป็นร้อยละ 33 ของการผลิตแป้งมันสำปะหลังที่ใช้ในประเทศ
3. บริษัท น้ำมันพืชไทย จำกัด ( มหาชน ) ได้รับการส่งเสริมลงทุนเพื่อขยายกิจการผลิตน้ำมันถั่วเหลืองดิบและส่วนผสมอาหารสัตว์ มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 3,770 ล้านบาท กำลังการผลิตแยกเป็นน้ำมันถั่วเหลืองดิบ 129,200 ตันต่อปี ส่วนผสมอาหารสัตว์ 530,400 ตันต่อปี โดยกากถั่วเหลืองที่เหลือจากกระบวนการผลิตน้ำมันถั่งเหลือง สามารถใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์ ทดแทนการนำเข้ากากถั่วเหลืองจากต่างประเทศได้
4. บริษัท นวโลหะไทย จำกัด ได้รับการส่งเสริมลงทุนเพื่อขยายกิจการ ผลิตชิ้นส่วนเหล็กหล่อเช่น เสื้อสูบ ฝาครอบล้อ และเสื้อเกียร์เป็นต้น มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 1,295 ล้านบาท กำลังการผลิตประมาณ 13,700 ตันต่อปี ใช้วัตถุดิบในประเทศ เช่น เศษเหล็ก เศษทองแดง เม็ดเหล็ก และบรรจุภัณฑ์ประมาณ 253 ล้านบาท มีเป้ามายการผลิตเพื่อป้อนตลาดรถอีโคคาร์ ที่จะเกิดขึ้นในปี 2553 -2558
5. บริษัท ออโต้ อินทีเรียร์ โปรดักส์ จำกัด ได้รับการส่งเสริมลงทุนเพื่อขยายกิจการ ผลิตชิ้นส่วนยางและพลาสติกขึ้นรูปสำหรับยานพาหนะ มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 2,078.4 ล้านบาท ใช้วัตถุดิบเป็น เม็ดพลาสติก และแผ่นพีวีซี มูลค่าประมาณ 1,014.4 ล้านบาทต่อปี เพื่อป้อนการผลิตให้กับรถยนต์ขนาดเล็ก ( B- Car ) และรถ Pick-up ที่จะเริ่มผลิตประมาณปลายปี 2552 คาดว่าจะก่อให้เกิดการจ้างแรงงานไทย 558 คน
6. บริษัท อยุธยากล๊าส อินดัสทรี จำกัด ได้รับการส่งเสริมลงทุนผลิตขวดแก้ว มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 3,520 ล้านบาท กำลังการผลิตประมาณ 970,000,000 ขวดต่อปี ( หรือประมาณ 277,200 ตัน ) เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเครื่องดื่ม ซึ่งโครงการนี้จะใช้เทคโนโลยีใหม่จากเยอรมนี ซึ่งทำให้น้ำหนักของขวดแก้วลดลง และช่วยประหยัดพลังงานที่ใช้ในการผลิต
7. บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด ( มหาชน ) ได้รับการส่งเสริมลงทุนเพื่อขยายกิจการผลิตไฟฟ้าจากลมร้อนทิ้งของกระบวนการผลิตปูนซีเมนต์ เป็นการนำของเสียมาใช้ให้เกิดประโยชน์มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 1,840 ล้านบาท กำลังการผลิต 32 เมกะวัตต์
8. นางสาวสิริวรรณ เจียระพงษ์ ได้รับการส่งเสริมลงทุนในกิจการขนถ่ายสินค้าสำหรับเรือเดินทะเล ให้บริหารขนถ่ายสารเคมีและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมเหลว ปีละประมาณ 800,000 ตัน มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 3,430 ล้านบาท โดยจะมีการปรับปรุงพื้นที่บริเวณท่าเรือนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ประมาณ 57.8 ไร่ ก่อสร้างท่าเทียบเรือ 1 ท่า
9. บริษัท โรงไฟฟ้าน้ำตาลขอนแก่น จำกัด ได้รับการส่งเสริมลงทุนเพื่อขยายกิจการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล 65 เมกกะวัตต์ ไอน้ำ 300 ตันต่อชั่วโมงและน้ำเพื่ออุตสาหกรรม 1,230 ลูกบาศ์กเมตรต่อชั่วโมง มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 1,850 ล้านบาท โดยไฟฟ้าที่ผลิตได้จะจำหน่ายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และใช้ภายในบริษัทเอง ส่วนไอน้ำและน้ำเพื่ออุตสาหกรรมที่ผลิตได้จะส่งจำหน่ายให้บริษัทในเครือ
10. บริษัท ยูเอสบ่อทอง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้รับการส่งเสริมลงทุนเพื่อดำเนินกิจการแปรรูปยางรถบรรทุกที่ไม่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ กำลังการผลิตทั้งสิ้น 15,000 ตันต่อปี เงินลงทุนทั้งสิ้น 230 ล้านบาท โดยกลุ่มลุกค้าหลักจะอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมผู้ผลิตยางล้อ ผลิตสายพานทั้งในประเทศและต่างประเทศ โครงการนี้จะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นการจัดการของเสียประเภทยางรถยนต์ที่ไม่ใช้แล้ว ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากในประเทศ
ศูนย์บริการลงทุน
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
กระทรวงอุตสาหกรรม
INVESTMENT SERVICES CENTER
THE BOARD OF INVESTMENT
MINISTRY OF INDUSTRY
555 ถ.วิภาวดีรังสิต จตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทร 0 2537- 8111 , 0 2537- 8155