ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บ. กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส” ที่ “BBB+/Stable”

อังคาร ๒๘ เมษายน ๒๐๐๙ ๐๗:๔๐
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศยืนยันอันดับเครดิตของ บริษัท กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในธุรกิจรถเช่า สถานะทางการตลาดที่ดีขึ้น ความสามารถในการทำกำไรที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง และการจัดการความเสี่ยงจากการขายซากรถยนต์ที่มีประสิทธิภาพโดยเห็นได้จากกำไรจากการขายสินทรัพย์ให้เช่าที่มีอย่างต่อเนื่อง ในการให้อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงความต้องการใช้บริการรถเช่าดำเนินงานโดยการจัดจ้างจากภายนอกของธุรกิจต่างๆ ที่เพิ่มมากขึ้น และกระแสเงินสดที่แน่นอนจากรายได้จากสัญญาเช่าที่ส่วนใหญ่มีอายุเฉลี่ย 3 ปี ซึ่งช่วยเสริมสภาพคล่อง ภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยและการแข่งขันที่รุนแรงยังคงเป็นอุปสรรคต่อความสามารถในการทำกำไรและการขยายธุรกิจในระยะสั้นถึงระยะปานกลาง

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ของบริษัทอยู่บนพื้นฐานการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถดำรงสถานะทางการตลาดได้ต่อไปด้วยการรักษาฐานลูกค้าเดิมและขยายฐานลูกค้าใหม่ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย และคาดว่าบริษัทจะรักษาระดับความสามารถในการทำกำไรโดยการควบคุมต้นทุนและการทำกำไรที่ต่อเนื่องจากการขายสินทรัพย์ให้เช่า

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทกรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส ให้บริการรถยนต์เช่าดำเนินงานทั้งแบบระยะยาวและระยะสั้น หากพิจารณาจากสินทรัพย์ให้เช่าสุทธิ บริษัทถือเป็นผู้ให้บริการรายใหญ่อันดับ 3 จากจำนวนผู้ให้บริการ 25 รายในฐานข้อมูลของทริสเรทติ้ง หลังจากการปรับโครงสร้างเงินทุนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปลายปี 2548 สินทรัพย์ให้เช่าสุทธิของบริษัทก็เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า จาก 1,283 ล้านบาทในปี 2547 เป็น 2,784 ล้านบาทในปี 2551 ตั้งแต่ปี 2549 รายได้จากการให้เช่ารถยนต์แบบระยะยาวคิดเป็นอัตราส่วนมากกว่า 90% ของรายได้ค่าเช่ารวม โดยเพิ่มขึ้นจาก 83% ในปี 2548 ณ สิ้นปี 2551 บริษัทมีรถยนต์ให้เช่า 5,416 คัน เพิ่มขึ้นจาก 4,656 คันในปี 2550 โดยเกือบทั้งหมด (92%) ให้บริการภายใต้สัญญาเช่าระยะยาว และส่วนที่เหลือเป็นรถให้เช่าระยะสั้นและรถทดแทน ความสามารถในการหาลูกค้าใหม่เป็นสิ่งที่ท้าทายของบริษัทในช่วงที่เศรษฐกิจภายในประเทศชะลอตัวอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ความต้องการใช้บริการรถเช่าที่เพิ่มขึ้นจะช่วยสนับสนุนความพยายามของบริษัทในการขยายธุรกิจเนื่องจากหน่วยงานต่างๆ เริ่มตระหนักถึงประโยชน์จากการใช้บริการรถเช่ามากยิ่งขึ้น

บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันจากความร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัทที่เกี่ยวข้อง โดยมากกว่า 50% ของรถยนต์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ให้เช่ามีการจัดซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ซึ่งผู้ถือหุ้นใหญ่คือตระกูลจันทรเสรีกุลเป็นเจ้าของ ส่งผลให้บริษัทได้รับประโยชน์จากการเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับข้อเสนอพิเศษจากผู้ผลิตรถยนต์ซึ่งช่วยให้บริษัทจัดซื้อรถยนต์ให้เช่าในราคาที่ถูกกว่า และนอกจากศูนย์บริการทั่วประเทศมากกว่า 500 แห่งซึ่งบริษัทมีการทำสัญญาทางธุรกิจด้วยแล้ว บริษัทยังเป็นเจ้าของศูนย์บริการของตนเองซึ่งทำให้สามารถควบคุมต้นทุนจากการบำรุงรักษาที่ไม่จำเป็นอันอาจเกิดจากศูนย์บริการภายนอกด้วย บริษัทจัดจำหน่ายรถยนต์ให้เช่าซึ่งหมดสัญญาเช่ากับลูกค้าแล้วผ่านทางบริษัทลูกคือ บริษัท กรุงไทย ออโตโมบิล จำกัด ด้วยประสบการณ์ของผู้บริหารของบริษัทกรุงไทย ออโตโมบิล และการได้รับการรับรองคุณภาพรถยนต์ใช้แล้วภายใต้ “โครงการโตโยต้าชัวร์” ช่วยให้บริษัทสามารถจำหน่ายรถยนต์ให้เช่าที่หมดอายุสัญญาแล้วในราคาที่สูงกว่าการจำหน่ายผ่านตัวแทนรับประมูลทั่วๆ ไป โดยบริษัทมีกำไรจากการขายรถยนต์ที่หมดสัญญาเช่าจำนวน 121 ล้านบาท 149 ล้านบาท และ 174 ล้านบาทในช่วงปี 2549-2551 ตามลำดับ คิดเป็นประมาณ 12% ของรายได้รวมของบริษัทในแต่ละปี

ในปี 2551 บริษัทมีกำไรสุทธิ 229 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.6% จาก 213 ล้านบาทในปี 2550 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนกำไรสุทธิต่อรายได้รวมลดลงเป็น 15.7% ในปี 2551 จาก 17.6% ในปี 2550 และอัตราส่วนกำไรสุทธิต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยก็ลดลงเป็น 7.6% ในปี 2551 จาก 8.5% ในปี 2550 เช่นกัน ความสามารถในการทำกำไรที่อ่อนลงเป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายสำหรับค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงขยายธุรกิจ นโยบายค่าเสื่อมราคาแบบอนุรักษ์นิยมจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทเมื่อมีการจำหน่ายสินทรัพย์ให้เช่าที่หมดอายุสัญญาแล้ว โดยจะสะท้อนในกำไรจากการขายสินทรัพย์ให้เช่า แม้ว่าความสามารถในการทำกำไรจะลดลง แต่ก็ยังถือว่าเป็นสัดส่วนที่อยู่ในระดับค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง บริษัทมีฐานะสภาพคล่องและความยืดหยุ่นทางการเงินในระดับปานกลาง โดยมีสภาพคล่องที่เพียงพอที่ได้รับจากค่าเช่าอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ลักษณะของสินทรัพย์ให้เช่าซึ่งมีสภาพคล่องสูงในการจำหน่ายจะช่วยลดทอนความเสี่ยงด้านสภาพคล่องให้แก่บริษัทได้บางส่วน ทริสเรทติ้งกล่าว

บริษัท กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน) (KCAR)

อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ BBB+

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable หรือ คงที่

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๕ พ.ย. ดิ เอราวัณ กรุ๊ป เปิดตัว HOP NextGen ชวนนักศึกษาเยี่ยมชม ฮ็อป อินน์ เรียนรู้เทคนิคบริการแบบ Consistency is Yours พร้อมพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่
๑๕ พ.ย. คิง เพาเวอร์ ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี เปิดแคมเปญ THE POWER OF FUNTASTIC CELEBRATION 2025 ฉลองทุกความสุข สนุกไม่รู้จบ
๑๕ พ.ย. พันธุ์ไทย ชวนแฟนด้อม คัลแลนและพี่จอง จุ่ม การ์ดพันธุ์ไทยใจฟู ลิมิเต็ด อิดิชั่น
๑๕ พ.ย. BAM ทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ DIGITAL ENTERPRISE ตอกย้ำผู้นำ AMC ยุค 4.0 วางเป้าหมายยกระดับองค์กรสร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน เตรียมส่ง อิสระ เดอะซีรีส์ ชวนลูกหนี้ BAM
๑๕ พ.ย. บางจากฯ ได้รับการประเมินด้านความยั่งยืนอันดับสูงสุดของโลก จาก SP Global 2024 ในกลุ่มอุตสาหกรรม Oil Gas Refinery and
๑๔ พ.ย. ซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล ออกบูธให้ความรู้เรื่องการใช้งานระบบดับเพลิงนร. พระหฤทัยนนทบุรี
๑๒ พ.ย. พนักงานซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล รับรางวัลเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานดีเด่น
๑๕ พ.ย. PROSPECT REIT ชูไตรมาส 3/67 โตเกินเป้า อัตราการเช่าพุ่งนิวไฮ หนุนจ่ายปันผลเด่น 0.2160 บาท
๑๕ พ.ย. CHAO ประกาศงบ Q3/67 กำไรพุ่งกว่า 62% รับตลาดส่งออกพีค จีนโตเด่น แย้ม Q4 เดินหน้าบุกตลาดในประเทศ สินค้าใหม่หนุนยอดขายปลายปี
๑๕ พ.ย. ฉลองเทศกาลลอยกระทงประจำปี 2567 ณ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ