นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX เปิดเผยถึงสถานการณ์ทางธุรกิจในปัจจุบันว่า เชื่อว่าจะได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ปัญหาความรุนแรงทางการเมืองและปัญหาการว่างงานอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) ได้ตระหนักถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเป็นอย่างดี จึงได้เตรียมความพร้อมรองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้น ไว้เรียบร้อยแล้ว ด้วยการปรับยุทธศาสตร์ทางธุรกิจครั้งใหญ่ มุ่งลดค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้ และเพิ่มการให้บริการให้กับทั้งลูกค้าและคู่ค้า เพื่อให้สินค้าที่จัดจำหน่ายโดย SYNEX ได้รับความสนใจจากลูกค้ามากยิ่งขึ้น
"เราเชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงได้เตรียมพร้อมรองรับปัญหาดังกล่าวมาเป็นเวลานานแล้ว โดยมีเป้าหมายเพื่อลดรายจ่าย แต่ในขณะเดียวกันก็มุ่งเพิ่มรายได้ และเสริมการให้บริการดียิ่งขึ้น และในปีนี้ได้กำหนดเป็นยุทธศาสตร์ในการขยายธุรกิจไว้อย่างชัดเจน โดยมุ่งปรับทั้งด้านบุคลากร ผลิตภัณฑ์ ช่องทางกระจายสินค้า การขนส่งและโลจิสติกส์ และเจรจากับคู่ค้าเพื่อให้ได้ราคาที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งในปีนี้บริษัทฯ มีเป้าหมายจะลดค่าใช้จ่ายให้อยู่ที่อัตรา 3.85%ของยอดขาย จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 4.72% หรือลดลงกว่า 18.5% และมีเป้าหมายจะผลักดันรายได้รวมให้เติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 5% จากรายได้รวม 12,022.80 ลบ. ในปี 2551 ทะลุ 12,620 ลบ. ได้สำเร็จ แม้ว่าตลาดและสถานการณ์แวดล้อมจะไม่เอื้ออำนวยและในขณะเดียวกันก็คาดหวังว่ากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นด้วย จากการควบคุมรายจ่ายอย่างมีประสิทธิภาพดังกล่าว”
นายสุพันธุ์ กล่าวต่อว่า บริษัทฯเริ่มต้นที่การปรับปรุงองค์กรเป็นอันดับแรก โดยในด้านของบุคลากร ได้มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้สูงขึ้นเมื่อเทียบกับเวลาการทำงานเท่าเดิม พร้อมทั้งลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง โดยไม่ให้กระทบต่อขวัญกำลังใจของพนักงาน ซึ่งบริษัทได้รับความร่วมมือจากพนักงานเป็นอย่างดี ในด้านผลิตภัณฑ์ จะมุ่งเพิ่มความหลากหลายให้กับสินค้าที่จัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าที่จะทำให้ครบโซลูชั่น เช่นserver เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า ในขณะเดียวกันจะเพิ่มสินค้าที่เป็นแบรนด์ของตัวเอง (house brand) เข้ามาจัดจำหน่ายให้มากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับสินค้าอื่นๆ ที่ SYNEX เป็นผู้แทนจำหน่าย
ส่วนด้านคู่ค้าที่เป็นเจ้าของสินค้าในปีนี้ได้มีการเจรจาต่อรองเรื่องการปรับลดต้นทุนด้านการขนส่งสินค้าลงลงอย่างจริงจัง รวมทั้งได้เจรจาขอปรับลดค่าบริการขนส่งกับคู่ค้าที่ให้บริการขนส่งสินค้าทั้งการขนส่งทั้งทางน้ำ ทางบก และทางอากาศ จนเชื่อว่าด้านการขนส่งในปีนี้ถ้าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกไม่ปรับขึ้นเหนือ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล ทางบริษัทฯคงไม่ต้องปรับราคาค่าขนส่งอีก ประกอบกับในปีที่ผ่านมา ได้ลงทุนเรื่องการวางระบบขนส่งและกระจายสินค้าไว้แล้วเป็นอย่างดี เช่นเดียวกัน ทำให้สามารถให้บริการเรื่องการขนส่งและกระจายสินค้าได้อย่างมีประสิทธิในต้นทุนที่ต่ำลง
“เราค่อนข้างประสบความสำเร็จในการเจรจากับเวนเดอร์เจ้าของสินค้า โดยเขายอมลดราคาที่เป็นโลจิสติกส์คอสให้เราลงมาระดับหนึ่ง ดังนั้นเมื่อรวมกับการกำหนดยุทธศาสตร์ทางธุรกิจใหม่ที่สามารถลดต้นทุนได้อย่างเป็นรูปธรรมเชื่อว่ารับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี และนอกเหนือจากการลดต้นทุนแล้ว เรื่องการเพิ่มช่องการจัดจำหน่ายก็ทำควบคู่กันไปด้วย โดยในร้านค้าปลีกภายใต้ชื่อ Cnex shop ซึ่งเป็นร้านค้าแบบแฟรนไชส์ในปีนี้จะเปิดให้ครบ 20 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่ที่14 สาขา เพื่อเพิ่มช่องทางให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าที่ SYNEX จัดจำหน่ายได้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งการขยายช่องทางจำหน่ายผ่านร้านค้าที่มีเครือข่ายอื่นๆ เพื่ออาศัยเครือข่ายของลูกค้ากระจายสินค้าของบริษัทฯ ให้ครอบคลุมพื้นที่เป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น"
นายสุพันธุ์กล่าวอีกว่า ปัจจุบันปัญหาทางเศรษฐกิจและการเมืองที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการที่ขาดความพร้อมและเตรียมตัวมาไม่ดีพออาจไม่สามารถยืนอยู่ในตลาดที่แข่งขันอย่างรุนแรงได้ ดังนั้นถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการที่แข็งแกร่งกว่า และ บมจ.ซินเน็ค (ประเทศไทย) ถือเป็นบริษัทฯจัดจำหน่ายสินค้าและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ใหญ่และแข็งแกร่งที่สุดในตลาดเมืองไทย ทั้งด้านขนาดสินทรัพย์ เงินทุนหมุนเวียน จึงมั่นใจว่าจะยืนอยู่ในตลาดไอทีเมืองไทยได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งจะเห็นการเติบโตของธุรกิจได้อย่างชัดเจนตั้งแต่ครึ่งหลังของปีเป็นต้นไป ตามธุรกิจไอทีที่คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัว
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : จุฬารัตน์ เจริญภักดี (ฟ้า) 02-5549395