สำหรับ “ข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือทางด้านอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงกุ้งระหว่างประเทศไทย-จีน-เวียดนาม-อินโดนีเซีย” นี้ เบื้องต้นตกลงที่จะร่วมมือกันใน 7 ข้อ คือ 1) สร้างช่องทางแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเป็นประจำฯ สื่อสารระหว่างกันอย่างมีประสิทธิภาพ 2) ทำงานร่วมกันเพื่อหามาตรการที่จะช่วยลดหรือขจัดการกีดกันการค้าที่เป็นภาษีและไม่ใช่ภาษี 3) เพื่อป้องกัน/หลีกเลี่ยงความเสียหายของผู้ประกอบการต่างๆ ให้แบ่งปัน/ใช้ข้อมูลบริษัทที่ถูกขึ้นทะเบียนต้องโทษ/น่าสงสัยและผิดกฎหมาย หรือถูกแบล็คลิสต์ (Black List) ร่วมกัน 4) เคารพในหลักการการผลิตกุ้งที่สอดคล้องกับความต้องการบริโภคหรืออุปสงค์ของแต่ละประเทศ 5) ปรับปรุงการแปรรูปผลิตภัณฑ์กุ้งและการจัดการให้ดีขึ้น เพิ่มความหลากหลายในผลิตภัณฑ์ และตลาด เพิ่มการบริโภคกุ้งของตลาดภายในประเทศ 6) เน้นการปฏิบัติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างระบบตรวจสอบย้อนกลับ และสนับสนุนให้บริษัทต่างๆผ่านการรับรองระดับสากลที่เหมาะสมได้ และ 7) เพื่อพิจารณาก่อตั้งพันธมิตรอุตสาหกรรมกุ้งโลก โดยมีการหมุนเวียนกันเป็นประธาน และจะเชิญประเทศผู้ผลิตกุ้ง เช่น เอกวาดอร์ อินเดีย เม็กซิโก บราซิล บังคลาเทศ และอื่นๆ ร่วมด้วย
“นับเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมกุ้งโลก ที่สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของผู้นำการผลิตกุ้งที่จะร่วมมือกันพัฒนาอุตสาหกรรมกุ้งฯให้มุ่งไปสู่ความยั่งยืน เชื่อว่าการที่พี่เบิ้มจีน จับมือกับไทย-อินโด และเวียดนาม ซึ่งเป็นผู้ผลิตกุ้งเลี้ยงรายใหญ่ของโลก ที่ปริมาณการผลิตรวมๆกันแล้วกว่าร้อยละ 50 ของกุ้งเลี้ยงทั้งโลกนี้ เป็นเรื่องทีดี เพราะจะมีผลต่อการผลิตกุ้งของโลกในอนาคต นอกจากเป็นความร่วมมือประสานประโยชน์ในการผลิตกุ้งให้ได้ปริมาณ คุณภาพมาตรฐาน สอดคล้องกับความต้องการของตลาดโลกแล้ว ที่สำคัญถือเป็นโอกาสดีที่จะได้เผยแพร่ภาพลักษณ์ที่ดีของสินค้ากุ้งไทย ที่ปัจจุบันได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่า เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีเยี่ยม ปลอดภัย ได้จากการผลิตที่ได้มาตรฐาน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ทั้งกระบวนการผลิตและแปรรูป จนเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคทั่วโลกด้วย” นายกสมาคมกุ้งไทย กล่าว