ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจัดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่สำคัญของประชากรทั่วโลก สำหรับประเทศไทย โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันเป็น 1 ใน 3 สาเหตุของการเสียชีวิตสูงสุดใกล้เคียงกับการเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ และโรคมะเร็ง
แม้อัตราการเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจตีบซึ่งนำไปสู่ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจะสูง แต่ไม่ได้หมายความว่าเมื่อเกิดอาการแล้ว ผู้ป่วยจะต้องเสียชีวิตเสมอไป สิ่งที่จะ “ชี้เป็นชี้ตาย” ในสถานการณ์วิกฤตนี้คือผู้ป่วยถึงมือแพทย์ได้เร็วเพียงใด
แต่ปัญหาคือ โดยมากผู้ป่วยและคนรอบข้างมักไม่ทราบว่าควรทำอย่างไร และอาการเจ็บหน้าอกนั้นร้ายแรงถึงชีวิตเสมอไปหรือไม่ ดังนั้น เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจเรื่องภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันและสัญญาณเตือนต่าง ๆ บทความนี้มีคำแนะนำจาก นพ.วิสุทธิ์ วิเวกาภิรัต อายุรแพทย์โรคหัวใจ ศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มาฝากกัน
รู้จักกับภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน
สาเหตุที่สำคัญของภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันเกิดจากโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เนื่องจากมีไขมันสะสมเพิ่มพูนขึ้นภายในผนังหลอดเลือด เมื่อเวลาผ่านไป ไขมันที่สะสมอยู่จะรวมตัวกันมากขึ้นจนเป็นแผ่นหนา ส่งผลให้หลอดเลือดที่ปกติจะสามารถยืดหดได้ตามความดันโลหิต สูญเสียความยืดหยุ่นและเสี่ยงต่อการปริแตกได้ง่าย ทั้งนี้ เมื่อเกิดความผิดปกติต่าง ๆ ขึ้นกับหลอดเลือด หากไม่ระวังดูแลตัวเองให้ดี อาจนำไปสู่ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันในที่สุด
ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน เป็นภาวะที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน และมีสาเหตุมาจากความผิดปกติของหลอดเลือดแดงซึ่งไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ “ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันมักจะเกิดขึ้นเมื่อหลอดเลือดแดงโคโรนารี (Coronary Artery) เกิดการอุดตันอย่างฉับพลันจนไม่สามารถส่งผ่านเลือดไปยังกล้ามเนื้อหัวใจได้ กล้ามเนื้อหัวใจบางส่วนจะเริ่มตาย หากไม่รีบเปิดทางเดินของหลอดเลือด กล้ามเนื้อหัวใจจะถูกทำลายมากขึ้น และหัวใจก็จะหยุดทำงานในที่สุด นพ.วิสุทธิ์ วิเวกาภิรัตอธิบาย
“เมื่อเส้นทางลำเลียงเลือดภายในหลอดเลือดแคบลง เนื่องจากมีไขมันเกาะตัวหนาอยู่บริเวณผนังหลอดเลือด ในขั้นเริ่มแรก ผู้ป่วยจะไม่มีอาการอะไรแสดงออกมา แต่เมื่อเวลาผ่านไป หลอดเลือดหัวใจตีบลงมากขึ้น ผู้ป่วยอาจเริ่มมีอาการเจ็บหน้าอก โดยเฉพาะเมื่อออกแรง ออกกำลังกาย หรือทำอะไรรีบ ๆ ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการที่หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อลำเลียงเลือดไปยังส่วนต่าง ๆ ให้เพียงพอนั่นเอง” นพ.วิสุทธิ์ วิเวกาภิรัตกล่าวต่อ
อย่ารอช้าเมื่อมีสัญญาณเตือน
ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันนั้น อาจเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้โดยมีอาการแตกต่างกันออกไปในแต่ละราย ซึ่งอาอาการบอกเหตุของผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจตายที่สามารถสังเกตได้มีดังนี้
- เจ็บแน่นหน้าอกเหมือนมีอะไรหนัก ๆ มากดทับ
- จุกแน่นหรือแสบบริเวณลิ้นปี่
- หายใจสั้น หอบ
- อาจมีอาการเจ็บร้าวที่บริเวณแขน คอ ไหล่ และกราม
- เหงื่อออกท่วมตัว
- คลื่นไส้ หน้ามืด ใจสั่น
“อาการเจ็บแน่นหน้าอกถือว่าเป็นอาการนำของภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ซึ่งโดยมากมักจะเกิดร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น เหงื่อออก หายใจหอบ ปวดร้าวไปที่แขนข้างเดียว หรือทั้งสองข้างไปจนถึงคอ และกราม” นพ.วิสุทธิ์ วิเวกาภิรัตเล่า “ส่วนใหญ่อาการเหล่านี้จะเป็นอยู่ประมาณ 20 ถึง 30 นาที แต่ถ้าหากมีอาการอยู่ตลอดต้องถือว่าเป็นสัญญาณวิกฤตของอาการกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ตอนนี้ ผู้ป่วยต้องรีบไปพบแพทย์ หรือเรียกรถฉุกเฉินไปโรงพยาบาลทันที หรือภายใน 4 ชั่วโมง”
สาเหตุที่ต้องส่งผู้ป่วยให้ถึงแพทย์โดยเร็วนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟู ทำการรักษาให้เลือดไหลกลับไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจโดยเร็วที่สุด นพ.วิสุทธิ์ วิเวกาภิรัต เสริมว่า “เมื่อกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด กล้ามเนื้อส่วนหนึ่งจะเริ่มตาย และเมื่อกล้ามเนื้อหัวใจตายแล้วก็ไม่สามารถฟื้นฟูหรือสร้างใหม่ได้ ดังนั้น ถ้าสามารถปกป้องกล้ามเนื้อหัวใจมิให้ถูกทำลายได้มาก โอกาสรอดชีวิตก็มีสูง”
สาเหตุใหญ่ที่ผู้ป่วยตัดสินใจมาโรงพยาบาลช้ามักเกิดจากความไม่แน่ใจว่าใช่อาการเตือนหรือไม่ หรือคิดว่าเป็นโรคอื่น รวมทั้งเกรงว่าจะ “ขายหน้า” หากไม่ได้มีอาการขั้นวิกฤตจริง “การนำผู้ป่วยมาส่งแพทย์ทันทีมีแต่ได้ประโยชน์ เพราะแม้ผู้ป่วยไม่ได้อยู่ในภาวะวิกฤตจากการที่กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด แพทย์ก็จะสามารถวินิจฉัยได้ว่าอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นมีสาเหตุมาจากอะไร ในบรรดาผู้ที่เสียชีวิตด้วยภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ราว ๆ ร้อยละ 50 เสียชีวิตภายใน 1 ชั่วโมงแรกหลังเกิดอาการ เพราะฉะนั้นทั้งผู้ป่วย และคนรอบข้างจำเป็นต้องทราบว่าอาการใดที่เป็นสัญญาณเตือนบ้าง แม้แต่เพียงสงสัยก็ไม่ควรรอช้า” นพ.วิสุทธิ์ วิเวกาภิรัต ย้ำ
เมื่อผู้ป่วยมาถึงโรงพยาบาล แพทย์จะทำการแก้ไขการอุดตันของหลอดเลือด ซึ่งทำได้โดยการใช้ยา หรือทำบอลลูนขยายหลอดเลือด หรือทั้ง 2 วิธีควบคู่กัน ระหว่างที่เกิดอาการอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน คืออาการหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดรุนแรง หรือ Ventricular Fibrillation ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาโดยเร็วนั้น อาจทำให้เสียชีวิตได้ทันที
ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันอาจไม่ได้หมายถึงชีวิตเสมอไป หากคุณทราบ เข้าใจและรับมือได้ทันท่วงที ความรู้เท่าทันของคุณ อาจช่วยชีวิตคนใกล้ชิด หรือแม้แต่ตัวคุณเองไว้ได้
ข้อมูลจากศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0 2667 2000
สื่อมวลชนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่แผนกประชาสัมพันธ์
โทร 0 2667 2212 e-mail: [email protected]
www.bumrungrad.com