“คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เห็นชอบแนวทางการปรับแผนกลยุทธ์ทั้งในส่วนของ Exchange Function และ CMDF สำหรับช่วงที่เหลือของปี 2552 โดยให้ความสำคัญกับแผนกลยุทธ์ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ และองค์กรในตลาดทุน สามารถผลักดันให้เกิดผลสำเร็จได้ ถึงแม้ปัจจัยภายนอกจะไม่เอื้ออำนวย นอกจากนี้ ยังเน้นสร้างความเข้มแข็งของโครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาบุคลากรในตลาดทุน เพื่อให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่ได้เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างทันท่วงที โดยเน้นปรับ
กลยุทธ์ใน 4 ด้าน ได้แก่ ด้านผู้ลงทุน ด้านผลิตภัณฑ์ ด้านบริษัทจดทะเบียน และการบริหารจัดการและการพัฒนาองค์กร” นายสุทธิชัยกล่าว
กลยุทธ์สำคัญด้านการขยายฐานผู้ลงทุน คือการทำงานร่วมกับธนาคารพาณิชย์และบริษัทหลักทรัพย์ เพื่อขยายเคาน์เตอร์ให้บริการด้านหลักทรัพย์ผ่านสาขาของธนาคาร เพื่อเพิ่มช่องทางให้ผู้ฝากเงินธนาคารเข้าถึงการลงทุนในตลาดทุนได้สะดวกขึ้น นอกจากนี้ จะส่งเสริมให้ผู้ลงทุนประเภท High Net Worth Individual (HNWI) ซึ่งยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก ได้เข้าถึงรูปแบบการลงทุนประเภทใหม่ ๆ และมีการกระจายความเสี่ยงผ่านตราสารที่ช่วยบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสมกับระดับการยอมรับความเสี่ยงของแต่ละกลุ่ม
นอกจากนี้ จะส่งเสริมให้มีการลงทุนในลักษณะทยอยลงทุน เช่นในโครงการ Wealth Builder เพื่อสร้างฐานผู้ลงทุนรายบุคคลให้เพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ก็จะส่งเสริมให้มีผู้ลงทุนสถาบันโดยเฉพาะกองทุนรวมให้เพิ่มมากขึ้นด้วย
ด้านการปรับกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ จะมีการเพิ่มตราสารประเภทใหม่ ๆ ที่มีการคุ้มครองเงินต้น ซึ่งจะให้ผู้ที่มีเงินฝากในธนาคารนำเงินมาลงทุนในตลาดทุนได้อย่างมั่นใจ ซึ่งถือเป็นจังหวะที่ดีหลังจากพ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก เริ่มทยอยลดความคุ้มครองเงินต้นของผู้ฝากเงินในธนาคารลงจนเหลือ 1 ล้านบาท ตั้งแต่ 11 ส.ค.2555 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ จะเร่งศึกษาการออก Interest rate futures ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จากเดิมที่กำหนดไว้ในปีหน้า เพื่อเพิ่มตราสารอนุพันธ์สำหรับตลาดเงิน ซึ่งจะเป็นเครื่องมือใหม่ในการบริหารความเสี่ยงของผู้ลงทุนในตราสารทางการเงินที่อ้างอิงดอกเบี้ย
ในขณะเดียวกัน จะเร่งออกตราสารอนุพันธ์และเครื่องมือบริหารความเสี่ยง โดยเฉพาะ Derivative Warrant และ Equity futures ควบคู่ไปกับการให้ความรู้แก่ผู้ลงทุนเรื่องทางเลือกการออมการลงทุน และการกระจายความเสี่ยงด้วยตราสารที่หลากหลาย
ด้านบริษัทจดทะเบียน ได้มีการปรับลดเป้าหมายจำนวนบริษัทจดทะเบียนใหม่จาก 46 เป็น 37 บริษัท ทั้งนี้ จะมุ่งเน้นการส่งเสริมการลงทุนในบริษัทจดทะเบียนที่มีปัจจัยพื้นฐานดี รวมทั้งสนับสนุนบริษัทจดทะเบียนที่มีแผนการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน เช่น การควบรวม หรือการปรับโครงสร้างเป็น Holding Company โดยปรับแนวทางปฏิบัติให้ทำได้สะดวกยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันยังส่งเสริมให้ผู้ประกอบการใช้ประโยชน์จากการร่วมลงทุนของผู้ลงทุน Venture Capital โดยเฉพาะบริษัทที่มีศักยภาพ เพื่อพัฒนาเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไปในอนาคต
ในขณะที่การเพิ่มประสิทธิภาพภายในองค์กร ทั้งด้านการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาบุคลากร และการปรับกระบวนการทำงานที่สำคัญจะเน้นตอบสนองการปรับกลยุทธ์ดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพ
“การปรับแผนกลยุทธ์ในครั้งนี้ เป็นการปรับแนวทางการดำเนินงานให้สอดคล้องกับภาวะการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงเดินหน้าทำงานร่วมกับองค์กรในตลาดทุนอย่างเข้มแข็ง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ตลาดทุนโดยรวม โดยได้ติดตามสถานการณ์ทั้งภายในและภายนอกอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินและปรับแนวทางการดำเนินงานให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่ได้เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างทันท่วงที” นายสุทธิชัยกล่าว
สื่อมวลชนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายสื่อสารองค์กร ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร. 0-2229 — 2036 / กนกวรรณ เข็มมาลัย โทร. 0-2229 — 2048 วรรษมน เสาวคนธ์เสถียร โทร. 0-2229-2797