นายพีท ริมชลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี จำกัด(มหาชน) หรือ HTECH เปิดเผยว่า คณะผู้บริหาร HTECH ยังมีมุมมองที่ดีต่อผลประกอบการไตรมาส 2/2552 โดยประเมินว่าน่าจะมีแนวโน้มออกมาอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส1/2552 เนื่องจากพบว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มีการเพิ่มชั่วโมงการทำงานจากระดับ 40-50 % ในไตรมาส 1/2552 เป็น 70-75 % ในเดือนพฤษภาคม 52ขณะเดียวกันHTECHได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นจากกลุ่มลูกค้าหลักทุกค่ายในกลุ่มHDD
นอกจากนั้นบริษัทได้ขยายฐานลูกค้าเพิ่มเติม โดยการติดต่อลูกค้ารายใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ทั้งในกลุ่ม HDD กลุ่มยานยนต์ ผู้ผลิตสายไฟฟ้า ตลอดจนผู้ผลิต Air-Compressor เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมาได้ทำการส่งผลิตภัณฑ์เพื่อนำไปทดสอบแล้วโดยบางรายอยู่ในสถานะรอผลการทดสอบและบางรายได้มีการส่งคำสั่งซื้อแล้วเป็นต้น
"แนวโน้มอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ไตรมาส 2 ปีนี้น่าจะฟื้นตัวเร็วกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยเฉพาะในกลุ่ม HDD พบว่ามีการเร่งการผลิตตลอดช่วงวันหยุดสงกรานต์ และรับสมัครพนักงานเพิ่มจำนวนมาก ซึ่งไม่ใช่ Cycle ปกติ จึงถือเป็นสัญญาณที่ดี ดังนั้นผมจึงเชื่อว่าน่าจะส่งผลดีต่อผลประกอบการไตรมาส 2 ของ HTECH ด้วยและในปี 2552 ยังเป็นปีแรกที่บริษัทจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจาก BOI เต็มทั้งปี ดังนั้นคาดว่า HTECHจะรักษาความสามารถในการทำกำไรไว้ได้ใกล้เคียงกับปี2551''
สำหรับผลประกอบการไตรมาส1/2552 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2552 บริษัทมีรายได้รวม 37.28 ล้านบาท ลดลง 39.13 ล้านบาทจากงวดเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็น 51.21% และมีกำไรสุทธิหลังภาษีเงินได้ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน68.45%
สาเหตุที่ทำให้ผลประกอบการลดลง เป็นผลจากวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจที่เกิดในสหรัฐอเมริกา ซึ่งกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกและกลายเป็นปัญหาต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาถึงต้นปี 2552 ทำให้ยอดการสั่งซื้อลดลง ทั้งในภาคอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วน HARD DISK DRIVE (HDD) และชิ้นส่วนยานยนต์ ประกอบกับปัญหาการเมืองภายในประเทศทำให้นักลงทุนต่างชาติเกิดความไม่เชื่อมั่น และกระทบไปถึงแผนขยายการผลิตกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ HDD จากบริษัทใหญ่ในญี่ปุ่นทำให้ต้องปรับแผนใหม่และเลื่อนคำสั่งซื้อจากไตรมาสแรกไปเป็นไตรมาส 2 ปีนี้
เขากล่าวต่อถึงแผนการขยายธุรกิจในปีนี้ว่าที่ผ่านมา HTECH ได้เพิ่มเครื่องจักรจากต้นปีจนถึงปัจจุบัน 2 เครื่องหลัก คือ PCD GRINDER และ CARBIDE GRINDER ระบบ CNC 6 AXIS,เครื่อง PCD GRINDER CNC 6 AXIS และ CARBIDE GRINDER CNC 6 AXIS ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพใน 2 ด้าน ดังนี้ คือ ช่วยลดขั้นตอนจากเครื่องเก่าระบบ Manual 2-4 เครื่อง มาผลิตได้ในเครื่องนี้เครื่องเดียว และจะทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตออกมามีความสม่ำเสมอทั้งปริมาณและคุณภาพและยังสามารถทำ Product ใหม่ๆได้ ซึ่งเครื่องระบบManual ทำไม่ได้
นอกจากนี้ในเดือนกรกฎาคมนี้ บริษัทฯ มีแผนการออกผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 2 กลุ่ม ดังนี้ คือ carbide cutting tools เครื่องมือตัดเฉือนโลหะ ทำจาก carbide คาดว่าจะสามารถเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทประมาณ 10-15 % ของยอดขายรวม ผลิตภัณฑ์ชนิดที่ 2 คือ PCD drill เป็นสว่านปลายเพชรสังเคราะห์ โดยบริษัทจะเป็นผู้ผลิตรายแรกในประเทศไทย ซึ่งคาดว่าน่าจะได้รับการตอบรับสูงจากหลายอุตสาหกรรม เพราะสามารถทดแทนการนำเข้าได้
ข้อมูลบริษัท แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่ จำกัด (มหาชน)
ประกอบธุรกิจเป็นผู้ผลิต รับจ้างผลิตและจำหน่ายเครื่องมือที่ทำมาจากเพชรสังเคราะห์ (Polycrystalline Diamond; PCD) สำหรับใช้ในการตัดเฉือนโลหะ (Cutting Tools) เพื่อใช้ได้ชิ้นงานที่มีความเที่ยงตรงสูง (High precision part) โดยบริษัทเน้นการผลิต PCD Tools เป็นส่วนใหญ่เพราะมีคุณสมบัติเด่น คือ อายุการใช้งานให้ผลที่ดีกว่าเครื่องมือประเภท Carbide ซึ่งผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทแบ่งออกได้เป็น 6 ประเภท คือ PCD boring tool, PCD endmill tool, PCD insert, PCD brazing tool, PCD reamer และ PCD hollow tool โดยทั่วไปเครื่องมือตัดเฉือนโลหะ (Cutting tools) จะมีคุณสมบัติ คือ ความแข็ง (Hardness) และความทนการต่อการเสียดสีสูง (Wear Resistance) ซึ่งเครื่องมือประเภท PCD และ Carbide จะมีคุณภาพและความสามารถในการใช้งานต่างกันตามวัสดุที่ใช้ในการผลิต