นายปรีชา วัชราภัย เลขาธิการ ก.พ. กล่าวว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบในหลักการให้ดำเนินมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ (โครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 (วันที่ 1 ตุลาคม 2552) นั้น ขณะนี้คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) สำนักงาน ก.พ. ได้ทำหนังสือแจ้งเวียน ที่ นร 1008.1/105 ไปยังส่วนราชการ ชี้แจงรายละเอียดมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ตลอดจนกำหนดการและขั้นตอน โดยหากส่วนราชการพิจารณาแล้วเห็นว่า การดำเนินมาตรการดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานโดยรวมของส่วนราชการ และมีงบประมาณของ ส่วนราชการรองรับให้พิจารณาดำเนินการได้ โดยให้หน่วยงานจัดทำรายละเอียดข้อเสนอมาตรการเสนอต่อ คปร. พิจารณาภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2552
สำหรับกลุ่มเป้าหมายของโครงการฯ คือต้องเป็นข้าราชการที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือ มีเวลาราชการ 25 ปีขึ้นไป (ไม่รวมเวลาทวีคูณ) นับถึงวันก่อนออกจากราชการตามมาตรการฯ (วันที่ 30 กันยายน) โดยครอบคลุมข้าราชการพลเรือนสามัญและข้าราชการพลเรือนในพระองค์ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ข้าราชการตำรวจตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการตำรวจ ข้าราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการทหาร และข้าราชการธุรการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ
ขณะเดียวกันต้องมีคุณสมบัติคือผู้ออกจากราชการจะต้องมีเวลาราชการเหลือตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป นับตั้งแต่วันที่ออกจากราชการตามมาตรการฯ ไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างถูกสั่งพักราชการ ถูกสอบสวนหรือสอบหาข้อเท็จจริงทางวินัย พิจารณาโทษทางวินัย รายงานการลงโทษทางวินัย หรือพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งลงโทษทางวินัย หรือเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลย ในคดีอาญาซึ่งมิใช่ความผิดลหุโทษหรือความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท
นอกจากนี้ ต้องไม่เป็นผู้อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะต้องออกจากราชการไม่ว่ากรณีใดๆ ตามกฎหมาย และหากเป็นผู้อยู่ระหว่างปฏิบัติราชการชดใช้ตามสัญญาที่ได้ทำไว้กับส่วนราชการในการไปศึกษา ฝึกอบรม หรือปฏิบัติการวิจัย จะต้องปฏิบัติราชการชดใช้มาแล้วไม่น้อยกว่าระยะเวลาศึกษาดังกล่าว และจะต้องยอมชดใช้เงินตามสัญญาผูกพันที่ได้ทำไว้กับราชการสำหรับเวลาที่ยังปฏิบัติราชการชดใช้ไม่ครบ
ทั้งนี้ ผู้จะได้รับอนุญาตให้ออกจากราชการตามมาตรการฯ จะต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนตั้งแต่วันที่ยื่นใบสมัครจนถึงวันที่ได้รับอนุญาตให้ออกจากราชการ โดยสำนักงาน ก.พ.จะเปิดให้ผู้สมัครเข้าร่วมมาตรการฯ ยื่นหนังสือขอลาออกจากราชการตามมาตรการฯ ต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ในระหว่างวันที่ 16-30 มิถุนายน 2552
“ส่วนราชการที่จะจัดให้มีมาตรการฯ นี้ จะต้องพิจารณาทบทวนบทบาท ภารกิจ วิเคราะห์ และสำรวจอัตรากำลังของส่วนราชการ พร้อมทั้งจัดทำแผนดำเนินมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังภาคราชการ โดยวัตถุประสงค์ของโครงการฯ นี้ก็คือ เพื่อให้กำลังคนภาครัฐมีขนาดและคุณภาพที่เหมาะสม สอดคล้องกับการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลภาครัฐแนวใหม่ และการใช้กำลังคนภาครัฐที่เป็นไปอย่างคุ้มค่า ประหยัด เต็มศักยภาพและได้ประโยชน์สูงสุด” เลขาธิการ ก.พ. กล่าว
สำหรับสิทธิประโยชน์ของผู้เข้าร่วมโครงการฯ นี้จะแยกเป็น 2 ส่วนคือสิทธิประโยชน์ที่เป็นเงินก้อน 8-15 เท่าของเงินเดือนรวมเงินประจำตำแหน่ง (ถ้ามี) ตามเวลาราชการที่เหลือ (ปี) และสิทธิประโยชน์อื่นๆ เช่น การยกเว้นภาษีเงินก้อนที่ได้รับตามมาตรการฯ นี้ การยกเว้นภาษีในส่วนของเงินที่ได้รับจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ รวมถึงการยกเว้นไม่ต้องชดใช้ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ปกติกับเงินกู้ตามพระราชกฤษฎีกาสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2535 โครงการสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ และโครงการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย ธอส.-กบข.
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 1786 กลุ่มสื่อสารองค์กร สำนักงาน ก.พ.