นางสุภาวดี หาญเมธี ประธานกรรมการบริหาร รักลูกกรุ๊ป เปิดเผยว่า ปีนี้ได้ปรับตัวเพื่อรับมือกับพฤติกรรมของลูกค้าที่มีการเปลี่ยนแปลง โดยปรับกลยุทธ์ตั้งทีมการตลาด 2 ทีมหลักเพื่อดูแลลูกค้าองค์กรหลัก (Key Account) ผู้สนับสนุนกิจกรรมและผู้ลงโฆษณากับสื่อในเครือรักลูกที่มีประมาณกว่า 70 องค์กร ที่ทำรายได้ให้บริษัทถึง 70-75 % และเพื่อดูแล non-key account หรือลูกค้ารายเล็กๆ ให้ใกล้ชิดขึ้น เพราะขยายได้เร็วกว่า ด้วยยอดลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นเกือบ 25% การเน้นให้ความสำคัญกับลูกค้า ด้วยการคิด Solutions ระหว่างกันเสมือนทีมเราเป็นMarketing ให้กับเขาสร้างการทำงานที่เกิดความไว้ใจ ในขณะที่ภาพรวมบริษัทตั้งเป้าโตขึ้น 25% จากเดิม 400 ล้านเป็น 500 ล้านบาท
“จากภาวะที่เศรษฐกิจถดถอย ทำให้ผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัทในกลุ่มธุรกิจเดิม ที่มีนิตยสารและการจัดกิจกรรมลดลงประมาณ 10 % แต่จากการเปิดตัวธุรกิจใหม่ ทั้งนิตยสารน้องใหม่ Highlight High Five และสื่อออนไลน์ momypedia.com ทำให้รายได้ทั้งกลุ่มโดยภาพรวมอยู่ในภาวะลงตัว และจากพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยน เราจึงได้เจาะกลุ่มตลาดครอบครัววัยคิดส์ หรือที่เรียกว่า Kids Marketing คือเจาะกลุ่มพ่อแม่ที่มีลูกวัย 3- 12 ปี และกลุ่มคุณครูที่ดูแลเด็กวัยนี้ ด้วยกิจกรรมที่ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ทั้งในและนอกโรงเรียน ภายใต้แบรนด์ Kidscovery ผ่านสื่อที่รักลูกกรุ๊ปจัดทำ ได้แก่ นิตยสาร Kids and School ,นิตยสารHighlights High Five รายการทีวี กระเตงลูกเที่ยว ทางโมเดิร์นไนท์ และเว็บไซต์เพื่อนแท้แม่ยุคใหม่ momypedia.com” และผ่านกิจกรรมเพิ่มประสบการณ์อย่าง Kids’ Learning Expo, กิจกรรม DLP จาก บริษัท Rakluke Discovery Leaning (RDL), Kid and School tour, Highlights High Five Your School และ เวิร์คช็อปส่งเสริมการเรียนรู้ Highlights High Five Training ซึ่งเป็นการตอบโจทย์วัยคิดส์และลูกค้าด้วย
นางสุภาวดี กล่าวว่า ในส่วนของศูนย์วิจัยรักลูกเรา ยังได้สำรวจความคิดเห็นพ่อแม่ในเขตกทม.ที่มีลูกวัย 3-6 ปี จำนวน 654 ตัวอย่าง เกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในขณะนี้ส่งผลกระทบต่อการส่งเสริมการเรียนรู้ให้กับลูกหรือไม่ พบว่าพ่อแม่มีเงินในกระเป๋าน้อยลง มีการคัดเลือกมากขึ้น แต่ก็ยังให้ความสำคัญในเรื่องการเรียนรู้ของลูกอยู่ที่ 40 % และในจำนวนนี้ 32 %
สนับสนุนการเรียนรู้ของลูกเต็มที่ ขณะที่ 26 % ได้วางแผนจัดสรรเงินเพื่อส่วนนี้แล้ว และอีก 17% ยังคงนำความรู้จากสื่อมาใช้ส่งเสริมเองภายในครอบครัว และลดกิจกรรมนอกบ้านลง
“แม้ว่าจะต้องเผชิญกับภาวะวิกฤติแบบนี้ พ่อ แม่ ส่วนใหญ่ก็ยังคงต้องใช้จ่ายเงินกับลูกในเรื่องการศึกษา และ อาหารเป็นอันดับแรก แต่จะลดการใช้จ่ายนอกบ้าน และใช้ชีวิตเรียนรู้ในบ้านมากขึ้นโดยใช้สื่ออย่างนิตยสาร หรือสื่อออนไลน์ แล้วดึงหาเกมสนุกๆ มาเล่นกับลูกๆ อยู่ที่บ้าน ”
นางสุภาวดี ยังกล่าวว่า รักลูก ยังคงบุกตลาดแนวคิดส์ ต่อไป เพื่อตอบโจทย์กับกลุ่มพ่อ แม่ และผู้ปกครองของวัย 3-12 ปี โดยเน้น การใช้สื่อในเครือ รวมทั้งการจัดกิจกรรม สื่อออฟไลน์ ออนไลน์ และยังจะตอกย้ำให้ลูกค้าหลักได้ใช้งบประมาณได้อย่างคุ้มค่าในวิกฤติเช่นนี้