นางสาวชมเดือน ศตวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย เอ็น ดี ที จำกัด (มหาชน) หรือ TNDT เปิดเผยถึงแนวโน้มรายได้ในปีนี้ว่า หลังจากที่ผ่านพ้นไตรมาสที่ 1 ของปีไปแล้ว ยังเชื่อว่ารายได้จะเติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาได้ในอัตราไม่ต่ำกว่า 20% หรือสนับสนุนให้รายได้ของบริษัททะลุ 300 ล้านบาท จากปี 2551 ที่ทำได้ 249.33 ล้านบาท โดยปัจจัยหลักมาจากบริษัทฯ มีงานที่รอรับรู้เป็นรายได้ (Backlog) ในมือแล้วถึง 200 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้เป็นรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังมีงานที่จะยื่นประมูลใหม่อีกหลายโครงการ ซึ่งคงช่วยผลักดันให้ผลประกอบการโดยรวมออกมาในทิศทางที่ดีตามเป้าหมายที่วางไว้
นอกจากนั้นในปีนี้ บริษัทฯยังมีแผนจะขยายธุรกิจการตรวจสอบและทดสอบทางวิศวกรรมความปลอดภัย ด้วยกระบวนการทดสอบโดยไม่ทำลาย (Nondestructive Testing : NDT) ออกสู่ตลาดต่างประเทศอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น หลังจากที่ได้เตรียมความพร้อมมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา รวมทั้งจะเพิ่มน้ำหนักการขยายงานด้านการตรวจด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง (Advanced Technology) ให้มากขึ้นกว่าเดิม หลังจากที่ผ่านมาลูกค้ายอมรับผลงานของบริษัทฯเป็นอย่างดี
"ในปีนี้นอกเหนือจากการขยายงานด้าน NDT ในกลุ่มลูกค้าเดิมซึ่งรับงานกันมาต่อเนื่องแล้ว เรายังขยายงานออกสู่ต่างประเทศ รวมทั้งเพิ่มงานด้าน ADVANCE ให้มากขึ้นด้วย เนื่องจากขณะนี้เรามีความพร้อมเป็นอย่างดีทั้งด้านบุคลากรและเครื่องมือในการตรวจสอบ ส่วนหนึ่งก็เพื่อขยายฐานลูกค้าออกสู่ตลาดที่ธุรกิจนี้มีการเติบโตในอัตราสูง หลังจากที่ปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ลูกค้าในประเทศบางส่วนชะลอการลงทุน บางส่วนก็ย้ายฐานการผลิตออกสู่ต่างประเทศ ทำให้งานในตลาดลดน้อยลง การขยายงานออกสู่ต่างประเทศจึงเป็นทางออกที่ดี เพราะเรามีศักยภาพเพียงพอและถือเป็นการเพิ่มรายได้อีกทางหนึ่งด้วย"
นางสาวชมเดือน กล่าวอีกว่า ในช่วงแรกของการออกสู่ตลาดต่างประเทศ คงต้องร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในตลาดเป้าหมาย และโดยขณะนี้ได้มีการเจรจากับพันธมิตรแล้ว ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากผลงานในประเทศไทยที่ไม่เคยมีความผิดพลาดและลูกค้าต่างให้การยอมรับ นอกจากนั้น เป็นเพราะ TNDT เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จึงสร้างความเชื่อมั่นให้กับพันธมิตรได้เป็นอย่างดี ซึ่งหลังจากนี้คงจะเห็นการขยายธุรกิจออกสู่ต่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น
ส่วนการขยายงานด้าน Advanced Technology จะเริ่มเข้าร่วมประมูลงานเพิ่มมากขึ้น จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่สัดส่วน 2% ของปริมาณงานทั้งหมด คาดว่าในปีนี้จะเพิ่มสัดส่วนขึ้นเป็น 5% ได้เนื่องจากลูกค้าหลายรายได้เริ่มเห็นความคุ้มค่าของการใช้บริการจากผู้ประกอบการในประเทศเมื่อเทียบกับเม็ดเงินและเวลาในการทำงาน ในขณะที่คุณภาพงานไม่แตกต่างจากการใช้บริการจากผู้ประกอบการในต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นแนวโน้มที่ดีสำหรับการขยายธุรกิจนี้
ทั้งนี้ TNDT รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส1/ 2552 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ จำนวน 11.12 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปี 2551 ที่ทำได้ 15.07 ล้านบาท ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยระบุว่ากำไรที่ลดลงมาจากบริษัท ฯ มี ต้นทุนเพิ่มขึ้น จากเดิม ไตรมาส 1/2551 มีจำนวนต้นทุน 38.692 ล้านบาทเพิ่มขึ้น เป็น 43.119 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2552 โดยเพิ่มขึ้น 4.427 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.44 โดยต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเกิดจาก การลงทุนในบุคคลากรที่เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับปริมาณงานที่จะเพิ่มขึ้น และ อีกส่วนหนึ่ง เกิดจาก ค่าเสื่อมราคาของเครื่องมืออุปกรณ์ที่เพิ่มขึ้น จากการลงทุนในอุปกรณ์ เพื่อใช้ในการดำเนินงาน ดังนั้นถึงแม้ว่าในไตรมาสที่ 1/2552 บริษัทจะมีรายได้ 64.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 63.62 ล้านบาท แต่จากทุนที่เพิ่มสูงขึ้นจึงกดดันให้กำไรสุทธิลดลงเล็กน้อยดังกล่าว
" ไตรมาส 1/2552 กำไรลดลงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้กังวล เพราะยังมั่นใจว่ารายได้ทั้งปีนี้น่าจะทำได้ตามเป้าคือโต 20% เพราะมีงานในมือ 200 กว่าล้าน และยังมีงานที่จะเข้าประมูลใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งคาดว่าจะเห็นได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 เป็นต้นไป" นางสาวชมเดือนกล่าวในที่สุด
ข้อมูลบริษัท ไทย เอ็น ดี ที จำกัด (มหาชน) (TNDT)
บริษัท ไทย เอ็น ดี ที จำกัด (มหาชน) หรือ TNDT ผู้ประกอบธุรกิจการตรวจสอบและทดสอบทางวิศวกรรมความปลอดภัย ด้วยกระบวนการทดสอบโดยไม่ทำลาย (Nondestructive Testing - NDT) ซึ่งเป็นวิธีการทดสอบเพื่อหาจุดบกพร่อง รอยแยก รอยรั่ว การปนเปื้อน ความผิดปกติที่เกิดขึ้นเมื่อถูกกระทบโดยปัจจัยแวดล้อมและความไม่สมบูรณ์ของ วัสดุอุปกรณ์ ส่วนประกอบหรือโครงสร้างต่าง ๆ โดยที่ทั้งก่อน ขณะปฏิบัติการและภายหลังการทดสอบ จะไม่มีส่วนทำให้ชิ้นงานมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์หรือคุณสมบัติโดยตัวอย่างของการทดสอบด้วย NDT อาทิเช่น การตรวจสอบและทดสอบระบบความปลอดภัยต่อการใช้งานของอุปกรณ์ ระบบท่อลำเลียง น้ำมัน ก๊าซ สารเคมี ทั้งทางบกและทางทะเลภาชนะรับแรงดันสูง อาทิเช่น ถังบรรจุก๊าซ NGV (Natural Gas Vehicle) LPG (Liquid Petroleum Gas) หม้อต้มไอน้ำ(Boiler) รวมถึงการตรวจสอบและทดสอบโครงสร้างโลหะเหล็กขนาดใหญ่ ซึ่งกลุ่มลูกค้าโดยส่วนใหญ่ในปัจจุบันเป็นกลุ่มลูกค้าภายในประเทศ ที่อยู่ในอุตสาหกรรมการผลิตปิโตรเลียม ซึ่งได้แก่ การผลิตและสำรวจน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติอุตสาหกรรมปิโตรเคมี อุตสาหกรรมก่อสร้าง เป็นต้น
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : พันธนันท์ เมฆขาว (เอ๊าะ) โทร. 02-554-9396