สรุปการสัมมนาวิชาการเวทีสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (FPO Forum)

จันทร์ ๒๕ พฤษภาคม ๒๐๐๙ ๑๗:๕๘
สรุปการสัมมนาวิชาการเวทีสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (FPO Forum) ภายใต้โครงการขยายบทบาทสำนักงานเศรษฐกิจการคลังสู่ภูมิภาค ณ จังหวัดสมุทรสาคร วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม 2552 เวลา 8.30 — 16.30 น. ณ ห้องโชติกา โรงแรมเซ็นทรัล เพลส

การสัมมนาวิชาการภายใต้โครงการขยายบทบาทสำนักงานเศรษฐกิจการคลังสู่ภูมิภาค เรื่อง “ธุรกิจเงินร่วมลงทุน: แหล่งทุนทางเลือกแทนการก่อหนี้” ณ จังหวัดสมุทรสาคร มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs ได้รับรู้และเข้าใจถึงประโยชน์ของธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Venture Capital: VC) ช่องทางในการเข้าถึงแหล่งทุนดังกล่าว แลกเปลี่ยนประสบการณ์และความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องร่วมกัน

และรับคำแนะนำจากหน่วยงานและสถาบันการเงินของรัฐที่ให้บริการธุรกิจเงินร่วมลงทุนด้วย โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐและเอกชนเป็นวิทยากร และนายธนกฤต ฉัตราภรณ์ เศรษฐกรชำนาญการ สำนักนโยบายการออมและการลงทุน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยสาระสำคัญของ

การสัมมนาสรุปได้ ดังนี้

นายมานิต จตุจริยพงศ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารจัดการกองทุนร่วมลงทุน สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ได้อธิบายถึงประโยชน์ของธุรกิจเงินร่วมลงทุนที่ผู้ประกอบการ SMEs จะได้รับ พร้อมทั้งเปรียบเทียบการจัดหาแหล่งเงินทุนในรูปแบบของธุรกิจเงินร่วมลงทุน และในรูปแบบของสินเชื่อ เพื่อให้ผู้ประกอบการ SME ได้เห็นถึงข้อแตกต่างระหว่างเครื่องมือทางการเงินทั้งสองรูปแบบ และได้นำเสนอแนวทางการส่งเสริมผู้ประกอบการ SME ในอุตสาหกรรมการผลิต การค้า และการบริการผ่านกองทุนร่วมลงทุน เพื่อยกระดับความสามารถการแข่งขันของธุรกิจไทย ซึ่งแนวทางดังกล่าวประกอบด้วย

(1) การสนับสนุนด้านการเงินในรูปแบบของการร่วมทุน (Equity participation) โดยเป็นแหล่งเงินทุนระยะยาว เพื่อการขยายธุรกิจหรือใช้เป็นทุนหมุนเวียนของกิจการ ทั้งนี้ SME ต้องเป็นผู้ประกอบการที่มีศักยภาพสามารถแข่งขันบนพื้นฐานของการสร้างนวัตกรรม (knowledge-based innovation) โดยผู้ประกอบการต้องเตรียมความพร้อมเพื่อร่วมลงทุน โดยนำเสนอแผนธุรกิจที่มีความเป็นไปได้ในเชิงธุรกิจที่สามารถให้ผลตอบแทนในระยะเวลาที่กำหนดจนสามารถจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI (Market for Alternative Investment) ได้ ซึ่งจะเป็นการพัฒนาตลาดทุน (Capital Market) ของประเทศต่อไป

(2) การสนับสนุนด้านเทคนิควิชาการ โดยผ่านระบบพี่เลี้ยง (Mentor) และการเป็นที่ปรึกษาในด้านเทคนิคการผลิต การบริหารจัดการ การเงิน และการจัดหาพันธมิตรทางธุรกิจ เป็นต้น เพื่อเพิ่มศักยภาพให้แก่ผู้ประกอบการ นอกจากนี้ ได้กล่าวถึงปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานที่ผ่านมา อาทิ ผู้ประกอบการขาดความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุน การขาดความรู้ด้านการจัดทำแผนธุรกิจรวมทั้งทัศนคติของผู้ประกอบการเกี่ยวกับการมีหุ้นส่วนภายนอก ซึ่งมีผลทำให้ผู้ประกอบการ SME ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ ดังนั้น แนวทางในการแก้ไขปัญหา อุปสรรคการร่วมทุน จึงจัดให้มีการอบรมและมีเวทีของการสัมมนาเพื่อเป็นการสร้างความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกรรมของการร่วมทุน เพื่อเตรียมความพร้อมการเข้าร่วมลงทุนให้กับผู้ประกอบการ

นางสาวยุภา จิตรภาษ์นันท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวาณิชธนกิจ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) ได้นำเสนอแนวทางการส่งเสริมผู้ประกอบการของสถาบันการเงินด้วยการร่วมลงทุน ซึ่งเป็นบริการรูปแบบใหม่นอกเหนือจากบริการทางด้านสินเชื่อที่ธนาคารให้บริการอยู่เดิม ซึ่งจะเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการที่มีข้อจำกัดด้านเงินทุนแต่มีศักยภาพที่จะขยายกิจการและยกระดับมาตรฐานการผลิตให้สูงขึ้นได้ เพื่อเตรียมตัวรับการแข่งขันที่จะมีมากขึ้นภายใต้การเปิดเสรีทางการเงิน ซึ่งการเปิดเสรีทางการเงินส่งผลกระทบใน 2 ส่วน คือ ผลกระทบต่อภาคการเงิน กล่าวคือ การที่ผลิตภัณฑ์ทางการเงินมีความหลากหลายมากขึ้นและต้นทุนทางการเงินลดลงอันเป็นผลมากจากการเปิดเสรีทางการเงินนั้น จะเอื้อประโยชน์ให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้มากขึ้นและเลือกแหล่งทุนที่มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นการเพิ่มบทบาทของเครื่องมือทางการเงินเพื่อการลงทุนของผู้ประกอบการ นอกจากนี้ การเปิดเสรีทางการเงินยังส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการเองด้วย กล่าวคือ ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเพิ่มประสิทธิภาพให้สามารถแข่งขันได้ ทั้งในด้านการผลิต บุคลากร และการตลาด โดยในส่วนของ EXIM Bank นั้น ได้มีบทบาทในธุรกิจเงินร่วมลงทุนโดยสนับสนุนผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพในการส่งออกและนำเข้า หรือเป็นกิจการที่ก่อให้เกิดการพัฒนาประเทศ ให้มีฐานทุนที่ใหญ่ขึ้น สามารถขยายกิจการได้โดยมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนที่เหมาะสม ให้บริการข้อมูลหรือเครือข่ายของ EXIM Bank รวมทั้งให้คำปรึกษาทางการเงินในการดำเนินธุรกิจ และสร้างภาพลักษณ์ของผู้ประกอบการในการมีองค์กรภาครัฐเป็นผู้ถือหุ้น

นายพิสิทธิ์ พัฒนะนุกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank) ได้กล่าวถึงประโยชน์ของการร่วมลงทุน ซึ่งประกอบด้วยการเพิ่มความแข็งแกร่งทางการเงินให้แก่ผู้ประกอบการ ลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน ลดค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ย เพิ่มความน่าเชื่อถือของผู้ประกอบการ สร้างความโปร่งใสและธรรมาภิบาลในการบริหาร และมีระบบบัญชีที่น่าเชื่อถือ โดยในส่วนของ SME Bank ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ SME ได้มีแผนการส่งเสริมผู้ประกอบธุรกิจ SME ผ่านทางธุรกิจเงินร่วมลงทุน ซึ่งสนับสนุนให้ประกอบการได้รับประโยชน์ตามที่กล่าวข้างต้น ภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเข้าร่วมลงทุนที่กำหนด นอกจากนี้ ได้กล่าวถึงปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานที่ผ่านมา อาทิ การร่วมลงทุนมีความเสี่ยงสูงเนื่องจากไม่มีหลักประกัน ทำให้ต้องมีการพิจารณาอย่างเข้มงวด ธนาคารต้องตั้งสำรองความเสียหาย ทำให้กระทบต่อฐานะการดำเนินงานในแต่ละปี รวมทั้งธุรกิจมีความเสี่ยงสูง นอกจากนี้ ในส่วนของผู้ประกอบการยังไม่เข้าใจถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการร่วมทุนโดยเกรงจะสูญเสียความเป็นอิสระในการบริหาร เป็นต้น

นายคุณากร เมฆใจดี กรรมการและเลขานุการ สมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน ได้นำเสนอมุมมองของธุรกิจเงินร่วมลงทุนในเชิงปฏิบัติว่า ผู้ประกอบการต้องประสบกับความเสี่ยงในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการผลิต ทั้งที่เกิดจากภายในและภายนอกกิจการ โดยด้านปัจจัยเสี่ยงที่เกิดจากภายในกิจการได้แก่ ความเสี่ยงด้านผลิตภัณฑ์ (Product Risks) ความเสี่ยงด้านการผลิต (Manufacturing Risks) ความเสี่ยงด้านการจัดการ (Management Risks) เป็นต้น สำหรับด้านปัจจัยเสี่ยงที่เกิดจากภายนอก เป็นความเสี่ยงด้านการตลาด (Marketing Risks) และความผันผวนทางเศรษฐกิจ ซึ่งจากปัจจัยเสี่ยงข้างต้นดังกล่าว เป็นแรงผลักดันให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีการปรับตัว โดยเฉพาะในเรื่องของการปรับปรุงการควบคุมคุณภาพ (Quality Control) และการสร้างความมั่นใจในคุณภาพ (Quality Assurance) ซึ่งเป็นประเด็นของการสร้างมูลค่าเพิ่มทางการผลิต นับตั้งแต่วัตถุดิบต้นทาง กระบวนการผลิต และการส่งมอบสินค้า รวมถึงการปรับโครงสร้างองค์กร และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการสร้างวิสัยทัศน์ของผู้ประกอบการ ซึ่งเห็นว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสมที่จะดำเนินการในช่วงภาวะเศรษฐกิจและการผลิตชะลอตัว นอกจากนี้ ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีการวางแผนและบริหารจัดการที่รอบคอบแต่ทันการณ์ โดยในช่วง 20 ที่ผ่านมา ธุรกิจเงินร่วมลงทุนได้เข้ามามีบทบาทในการสนับสนุนผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ โดยมีโครงการที่ได้รับอนุมัติร่วมลงทุนคิดเป็นร้อยละ 5.3 ซึ่งในจำนวนนี้สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ถึงร้อยละ 83

การจัดสัมมนาในครั้งนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างดีจากผู้ประกอบการ หน่วยงานภาครัฐ และประชาชนที่สนใจ โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลังจะนำข้อคิดเห็นที่ได้ไปประกอบการพิจารณานำเสนอนโยบายและมาตรการเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการให้มีการพัฒนาศักยภาพในเชิงธุรกิจต่อไป

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO