โตโย-ไทยโตไม่หยุด คว้างานใหม่อีก 4 โครงการมูลค่ารวมกว่า 2,000 ล้านบาท

พุธ ๒๗ พฤษภาคม ๒๐๐๙ ๑๗:๔๑
บริษัท โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัทรับเหมาครบวงจร (EPC) ที่ใหญ่ที่สุดของไทย เติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง คว้างานใหม่เพิ่มอีก 4 โครงการใหญ่ มูลค่ารวมกว่า 2,000 ล้านบาท สวนกระแสสภาวะเศรษฐกิจซบเซา โดยเป็นการรับงานจากกลุ่มปตท กลุ่ม AGC เคมีคัล กลุ่มอูเบะและ ไบโอ แนชเชอรัล เอ็นเนอร์ยี ซึ่งล้วนเป็นลูกค้าหลักในอุตสาหกรรมพลังงาน เคมีภัณฑ์ และ พลังงานทดแทน

นายฮิโรโนบุ อิริยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “บริษัทได้รับการงานโครงการใหม่จำนวน 4 โครงการ โดยมีมูลค่างานเฉพาะส่วนของบริษัทรวมกว่า 2,000 ล้านบาท คือ

(1) งานสร้างโรงงานเคมีสำหรับการผลิต 1,6-Hexanediol (1,6-HDL) และ 1,5-Pentanediol (1,5-PDL)

กำลังการผลิตรวม 6,000 ตันต่อปี ให้กับบริษัท อูเบะ ไฟน์ เคมิคอลส์ (เอเชีย) จำกัด โดยโครงการนี้นับเป็นการสร้างโรงงานผลิต 1,6-Hexanediol ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก และใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย โดยมีมูลค่าการลงทุนสูงถึง 2,000 ล้านบาท และมีกำหนดแล้วเสร็จในไตรมาสแรกของปี 2554 อนึ่งบริษัท อูเบะ ไฟน์ เคมิคอลส์ (เอเชีย) จำกัด เป็นบริษัทในกลุ่มอูเบะ อินดัสตรี (ญี่ปุ่น) ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ผู้ผลิต 1,6-Hexanediol ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท คาโปรแลคตัม ไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของโรงงาน ในจังหวัดระยอง

(2) งานสร้างโรงงาน โซดาไฟ (NaOH) และคลอรีน (Cl2) ให้กับ บริษัท ไทยอาซาฮีเคมีภัณฑ์ จำกัด ในเครือ AGC ประเทศญี่ปุ่น หนึ่งในผู้นำในการผลิตโซดาไฟในตลาดโลก โรงงานนี้จะก่อสร้างที่ จังหวัด สมุทรปราการด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 400 ล้านบาทเพื่อเปลี่ยนเครื่องจักรเก่าที่ใช้ electrolysis cells ในการผลิต เป็น Ion-Exchange Membrane อันเป็นขบวนการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอันทันสมัยของ Asahi Glass และมีกำหนดแล้วเสร็จในไตรมาสแรกของปี 2553 โดยโครงการนี้นับเป็นโครงการที่ 10 ที่โตโย-ไทยได้รับความไว้วางใจจากบริษัท ไทยอาซาฮีเคมีภัณฑ์ จำกัด

(3) งานสร้างโรงงานต้นแบบ ผลิตน้ำมันหล่อลื่นขั้นพื้นฐานคุณภาพระดับโลก ตามมาตรฐาน API เพื่อสถาบันวิจัยและเทคโนโลยีปตท. โดยใช้เทคโนโลยีการผลิตจากกลุ่มนิปปอนออยล์ และบริษัท โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มูลค่าการลงทุนทั้งหมดกว่า 500 ล้านบาท และมีกำหนดแล้วเสร็จในไตรมาสแรกของปี 2553

(4) งานสร้างโรงไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ ของบริษัท ไบโอ แนชเชอรัล เอ็นเนอร์ยี จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพซึ่งได้จากน้ำเสียของโรงงานผลิตเอธานอล ของกลุ่มพรวิไล มีมูลค่าการลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท และมีกำหนดแล้วเสร็จในไตรมาสสองของปี 2553

“การได้รับเลือกให้เป็นผู้ออกแบบ ก่อสร้างโรงงานขนาดใหญ่ พร้อมจัดหาเครื่องจักรอุปกรณ์แบบครบวงจร ทั้งโครงการนั้นนอกจากแสดงถึงความไว้วางใจอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มลูกค้าเดิมที่มีต่อบริษัทแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของธุรกิจรับเหมา EPC ที่สวนทางกับ การหดตัวของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างทั่วไปในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ซึ่งการได้รับงานเพิ่มทั้ง 4 โครงการทำให้บริษัทฯ มีปริมาณงานในมือหรือ Backlog เพิ่มเป็นประมาณ 9,300 ล้านบาท และคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้จาก 4 โครงการใหม่นี้ที่มีมูลค่างานทั้งหมดกว่า 2,000 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนที่เหลือของปีนี้และปีหน้า” คุณอิริยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าว

“สำหรับแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นั้น บริษัทฯจะเดินหน้าเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯจำนวน 130 ล้านหุ้น ให้กับนักลงทุนในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ และพร้อมนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดภายในเดือนเดียวกัน ซึ่งจะทำให้บริษัทฯเป็นบริษัทแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ในปีนี้ ซึ่งจากการจัดโรดโชว์พบว่านักลงทุนประเภทสถาบันให้ความสนใจกันอย่างสูงและแสดงความจำนงที่จะจองซื้อหุ้นเป็นจำนวนมาก ประกอบกับสภาวะตลาดหุ้นในช่วงนี้มีแนวโน้มที่ดีขึ้น มีมูลค่าการซื้อขายต่อวันสูงกว่าระดับ 2 หมื่นล้านบาทต่อวัน โดยขณะนี้บริษัทฯและบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินได้กำหนดกรอบราคาไว้ที่ประมาณ 3.75 - 4.25 บาท ต่อหุ้น และจะกำหนดราคาที่เสนอขายจริงช่วงต้นเดือนมิถุนายน” คุณสุวิทย์ มโนมัยยานนท์ กรรมการและผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขาย บริษัท โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าว

“บริษัทฯเชื่อมั่นว่า ด้วยความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจที่เติบโตอย่างสูงมาตลอด 24 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 4 ปีหลังที่มีรายได้รวมและกำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ย 48% ต่อปี และ สร้างสถิติรายได้สูงสุด

11,049 ล้านบาทและกำไรสุทธิ 314 ล้านบาท ในปี 2551 เติบโตขึ้นจากปี 2550 ถึง 141% และ 124 % ตามลำดับ และในไตรมาสที่ 1ของปี 2552 ยังมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 98% เป็น 4,068.34 ล้านบาท จากรายได้รวม 2,053.35 ล้านบาทในไตรมาส 1 ของปี 2551 และ มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 53% เป็น 140.08 ล้านบาท จากกำไรสุทธิ 91.07 ล้านบาทจากไตรมาสที่ 1 ปี 2551 นอกจากนี้บริษัทได้เตรียมเข้าเสนองานโครงการขนาดใหญ่จำนวนมาก มูลค่ากว่า 32,000 ล้านบาทในช่วง 2 ปีนี้” คุณสุวิทย์อธิบาย

“ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทฯเขื่อมั่นว่าหุ้นของบมจ.โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น จะได้รับ ความสนใจจากนักลงทุนสถาบันและรายย่อยเป็นอย่างดีเนื่องจากบริษัทเป็นผู้นำในธุรกิจรับเหมาครบวงจร EPC ที่ขยายตัวต่อเนื่อง มีฐานลูกค้าประจำเป็นบริษัทที่มีศักยภาพสูงจำนวนมาก นอกจากนี้ บมจ.โตโย-ไทย มีผลประกอบการที่เติบโตสูงและต่อเนื่องมากว่า 20 ปี อีกทั้งมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีเงินสดและเงินลงทุนชั่วคราวประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยไม่มีภาระหนี้เงินกู้เลย อีกทั้งมีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ที่สูงที่สุดในอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างคือ 46% สำหรับปี 2551 และในไตรมาสแรกปีนี้เพียงไตรมาสเดียว มีอัตราผลกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) สูงถึง 0.43 บาท” นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการบริหารบริษัท หลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด กล่าว

บริษัท โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำการรับเหมาออกแบบ จัดหา และก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ครบวงจร (EPC หรือ Engineering, Procurement and Construction) รายแรกและรายเดียวของไทย ก่อตั้งขึ้นในปี 2528 โดยการร่วมทุนระหว่างบริษัท โตโย เอนจิเนียริ่ง คอร์ปอเรชั่น (ญี่ปุ่น) ผู้นำด้านรับเหมาวิศวกรรมโรงงานครบวงจรที่มีประสบการณ์กว่า 48 ปีจากประเทศญี่ปุ่น และ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ผู้รับเหมาทั่วไปที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย มีทุนจดทะเบียนรวม 480 ล้านบาท เป็นทุนที่ชำระแล้ว 350 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีจำนวนวิศวกรทุกสาขามากที่สุดในประเทศไทยคือ 817 คนจากพนักงานทั้งหมด 1,563 คน

บริษัทมีประสบการณ์ในการรับเหมาสร้างโรงงานอุตสาหกรรมแบบครบวงจรทั้งในประเทศและต่างประเทศมาแล้วกว่า 160 โครงการ คิดเป็นมูลค่างานรวมกว่า 60,000 ล้านบาท มีฐานลูกค้าครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ เคมีภัณฑ์ ปิโตรเคมี ปิโตรเลียม ปุ๋ยเคมี โรงไฟฟ้า พลังงานทดแทน ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นบริษัทมหาชนและบริษัทต่างชาติขนาดใหญ่ อาทิ กลุ่มปตท. กลุ่ม SCG หรือปูนซิเมนต์ไทย กลุ่มบมจ. วีนิไทย กลุ่มคาโอของญี่ปุ่น กลุ่มไบเออร์ของเยอรมัน เป็นต้น นอกจากนี้บริษัทมีประสบการณ์รับงานในต่างประเทศมากว่า 12 ปี ซึ่งสร้างรายกว่า 6,000 ล้านบาท โดยกลุ่มตลาดหลักในต่างประเทศได้แก่ เวียดนาม (ซึ่งบริษัทมีบริษัทย่อยดำเนินงานอยู่) จีน กลุ่มประเทศอาเซียน กลุ่มตะวันออกกลาง กลุ่มอาฟริกา และสหรัฐอเมริกา”

บริษัท เพนเน็ตเทรท จำกัด ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ โทร 02-681-5305—7

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๓:๐๔ มูลนิธิสัมมาชีพมอบรางวัล 'เกรียงไกร' ประธาน ส.อ.ท.บุคคลต้นแบบสัมมาชีพ ปี'67เตรียมจัดงานมอบรางวัล 17 ธ.ค.
๑๓:๒๙ Kaspersky ระบุ แรนซัมแวร์ยังโจมตีธุรกิจในอาเซียนต่อเนื่อง ไทยรั้งอันดับสาม
๑๓:๔๔ Maxim เพิ่มความปลอดภัยระหว่างการเดินทางด้วยฟีเจอร์ในแอป
๑๓:๐๐ สคร.12 สงขลา เตือน แอมโมเนียรั่วไหล อุบัติภัยจากโรงงานผลิตน้ำแข็งและห้องเย็น
๑๓:๓๑ MEDEZE ชี้ตัวเลขจัดเก็บ Stem Cell ทั่วโลกเติบโต ยืนยันดำเนินธุรกิจตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
๑๓:๐๔ ทินิดี เทรนดี้ กรุงเทพ ข้าวสาร นำเสนอโปรโมชั่นวันลอยกระทง
๑๓:๕๘ เลขาอารี เปิดการแข่งขัน HAB Thailand หนุนอาชีพด้านสุขภาพและความงาม พัฒนาทักษะแรงงานไทยสู่มาตรฐานสากล
๑๓:๔๕ ETL มั่นใจธุรกิจขนส่งยังสดใส หนุนรายได้ปีนี้โตต่อเนื่อง ยอมรับบาทอ่อนและราคาน้ำมันมาเลฯส่งผลกระทบ Q3
๑๓:๒๙ จุฬาฯ เชิญร่วมงาน กายภาพบำบัด ศาสตร์แห่งการฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต ครบครันความรู้เพื่อสุขภาพคนไทยทุกช่วงวัย
๑๓:๕๖ Sunplay Asia แถลงข่าวแนวคิดที่อยู่อาศัยเพื่อสังคมคุณภาพ: ยกระดับการอยู่อาศัยด้วยแนวคิด Environmental/Rehabilitation Sustainable