กรุงเทพฯ--17 ม.ค.--โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย
ตลาดรถยนต์ปี 2547 ขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ปิดตัวเลขประจำปี 626,026 คัน ธันวาคมขายสูงสุด 73,251 คัน โตโยต้า เชื่อมั่นเศรษฐกิจไทย คาดตลาดรถยนต์ปีไก่พุ่ง 690,000 คัน ตั้งเป้าครองตลาด 40% : เป้าหมายการขาย 280,000 คัน : เติบโต 20%
มร.เรียวอิจิ ซาซากิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยสถิติการขายรถยนต์ประจำปี 2547สร้างสถิติใหม่ในทุกเซ็กเมนท์ ปิดตัวเลขการขายประจำปี 626,026 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2546 17.4% แบ่งออกเป็น รถยนต์นั่ง 209,110 คัน เพิ่มขึ้น 16.8% รถเพื่อการพาณิชย์ 416,916 คัน เพิ่มขึ้น 17.7% รวมทั้ง รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซ็กเมนท์นี้ 368,911 คัน เพิ่มขึ้น 19.3% เชื่อมั่นภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2548 มีเสถียรภาพและขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดี คาดว่าปี 2548 จะมียอดขายรวม 690,000 คัน ด้วยอัตราการเจริญเติบโต 10% โดยรถเพื่อการพาณิชย์ ยังคงเป็นตลาดที่มีอัตราการเจริญเติบโตสูงที่สุด ตั้งเป้าขายรถยนต์โตโยต้าทุกรุ่น 280,000 คัน ครองส่วนแบ่งตลาด 40% เติบโตจากปีก่อน 20%
ประเด็นสำคัญ
ตลาดรถยนต์ปี 2547 เติบโตอย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา ตัวเลขการขายพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ สร้างสถิติใหม่เกินระดับ 600,000 คัน ทำลายสถิติสูงสุดเมื่อปี 2539 ด้วยตัวเลขการขาย 626,026 คัน เมื่อเทียบกับสถิติการขายของปีที่ผ่านมาที่ 533,176 คันเติบโต 17.4% สะท้อนภาพรวมการเจริญเติบโตเดินหน้าอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เป็นผลมาจากความพยายามอย่างเข้มข้นของทุกค่ายรถยนต์ ในการนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่ตรงต่อความต้องการ และตอบสนองต่อทุกสภาพการใช้งานของลูกค้าได้เป็นอย่างดี อาทิเช่น แจ๊ส,วิช,ไฮลักซ์ วีโก้,อินโนวา,ฟอร์จูนเนอร์,อีซูซุ ดีแม็กซ์ รุ่นเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่,มิว 7,เชฟโรเร็ต โคโรลาโด รุ่นเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่,มาสด้า 3,และ ฮอนด้า ซีอาร์วี รุ่นเพิ่มเครื่องยนต์ เป็นต้น พร้อมด้วยมาตรการส่งเสริมจากภาครัฐ อาทิเช่น การปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์ ซึ่งสร้างความชัดเจนยิ่งขึ้นต่อสภาพตลาดรถยนต์ในปัจจุบัน รวมทั้งเพิ่มอำนาจในการซื้อให้กับผู้บริโภคอีกทางหนึ่งด้วย แม้ว่าสถานการณ์ราคาน้ำมันที่มีสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประกาศลอยตัวราคาน้ำมันเบนซิน ก็ไม่ได้ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคมากนัก เนื่องจากรถยนต์เป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตในปัจจุบัน หากแต่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้รถยนต์มากกว่า
มร.ซาซากิ กล่าวว่า "ในปีที่ผ่านถือว่าเป็นปีแห่งความสำเร็จอีกปีหนึ่งของโตโยต้า ซึ่งเป็นผลมาจากความพยายามทุ่มเทอย่างต่อเนื่องเพื่อการผลิตรถยนต์ที่มีคุณภาพระดับโลกและสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า ทำให้รถยนต์โตโยต้าเป็นที่ยอมรับ นำไปสู่สถิติใหม่สำหรับการจำหน่ายรถยนต์ในทุกตลาด ครองอันดับ 1 ในตลาดรถยนต์รวม และตลาดรถยนต์นั่ง ตลอดจนรถกระบะขนาด 1 ตัน หลังจากการแนะนำ ไฮลักซ์ วีโก้ ยอดขายตลอดระยะเวลา 4 เดือน มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง เช่นเดียวกับตลาดรถยนต์ระดับหรู เลกซัส ก็ประสบความสำเร็จอย่างงดงามเช่นเดียวกัน
สถิติการขายรถยนต์ของกลุ่มโตโยต้า ในปี 2547
- ปริมาณการขายกลุ่มโตโยต้า 244,066 คัน ครองส่วนแบ่งตลาด 39%
- ปริมาณการขายโตโยต้า 234,177 คัน เติบโต 24.1% ส่วนแบ่งตลาด 37.4%
- รถยนต์นั่ง 103,464 คัน เติบโต 25.1% ส่วนแบ่งตลาด 49.5%
- รถเพื่อการพาณิชย์ 130,713 คัน เติบโต 23.3% ส่วนแบ่งตลาด 31.4%
- รถกระบะขนาด 1 ตัน 123,159 คัน เติบโต 23.3% ส่วนแบ่งตลาด 33.4%
- รถบรรทุกฮีโน่ 9,889 คัน เติบโต 34.8%
- รถยนต์เลกซัส 538 คัน เติบโต 274%
มร.ซาซากิ กล่าวเพิ่มเติมว่า "การส่งออก ในปีที่ผ่านมา โตโยต้าส่งออกรถยนต์จำนวน 52,682 คัน ส่วนแบ่งตลาด 16% เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 92% เมื่อรวมกับชิ้นส่วนอะไหล่จำนวน 10,421 คอนเทนเนอร์แล้ว มีมูลค่าการส่งออก 34,493 ล้านบาท"
สำหรับตลาดรถยนต์ในปี 2548 มีแนวโน้มการเจริญเติบโตที่ดีเช่นเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช) ประมาณการอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2548 อยู่ที่ระดับ 5.5-6.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ซึ่ง มร.ซาซากิ ได้วิเคราะห์ภาพรวมของตลาดรถยนต์ว่า "ยังคงมีอัตราการขยายตัวที่ดีในเชิงบวก เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 10% ทั้งนี้ตัวเลขประมาณการขายจะอยู่ที่ 690,000 คัน โดยตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์จะเป็นเซ็กเม้นท์สำคัญ ส่วนตลาดรถยนต์นั่งเติบโตไม่มากนัก เนื่องจากในปีที่ผ่านมาได้ขยายตัวมากถึง 17% แม้ว่าความเสียหายจากภัยธรณีพิบัติในพื้นที่ 6 จังหวัดภาคใต้ จะส่งผลกระทบบ้าง แต่เนื่องจากมาตรการความช่วยเหลือเพื่อฟื้นฟูความเสียหายจากภาครัฐบาล ความช่วยเหลือจากต่างประเทศ และน้ำใจจากประชาชนชาวไทยทั่วประเทศจะช่วยให้สถานการณ์ฟื้นตัวในระยะเวลาอันสั้น อีกทั้งปัจจัยราคาน้ำมันซึ่งมีการคาดหมายว่าจะประกาศลอยตัวราคาน้ำมันดีเซลในปีนี้ก็ตาม เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบต่อตลาดรถยนต์โดยรวม ทั้งนี้ อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย จะเป็นอุตสาหกรรมหลักที่มีความสำคัญในการส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศต่อไป ในขณะที่ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน ยังคงเป็นตลาดที่มีอัตราการขยายตัวที่สูง และการแนะนำรถรุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดอีกหลายรุ่นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และตอบรับกับการประกาศบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับมลพิษไอเสียรถยนต์ ยูโร สเต็ป 3"
ประมาณการยอดขายรถยนต์ ในปี 2548
- ปริมาณการขายรวม 690,000 คัน เติบโต 10%
- รถยนต์นั่ง 215,000 คัน เติบโต 2.8%
- รถเพื่อการพาณิชย์ 475,000 คัน เติบโต 13.9%
- รถกระบะขนาด 1 ตัน 412,000 คัน เติบโต 11.7%
ในส่วนของโตโยต้า มร.ซาซากิ ได้คาดการณ์ว่า "สำหรับปี 2548 โตโยต้ามีเป้าหมายการขายอยู่ที่ 280,000 คัน ด้วยอัตราการเจริญเติบโต 20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะสามารถครองส่วนแบ่งตลาด 40% แบ่งเป็น
- รถยนต์นั่ง 107,000 คัน เติบโต 3.4% ส่วนแบ่งตลาด 50%
- รถเพื่อการพาณิชย์ 173,000 คัน เติบโต 32% ส่วนแบ่งตลาด 36%
- รถกระบะขนาด 1ตัน 165,000 คัน เติบโต 34% ส่วนแบ่งตลาด 40%
- รถยนต์เลกซัส 1,000 คัน เติบโต 86%
โดยตั้งเป้าหมายการส่งออกรถยนต์อยู่ที่ 150,000 คัน เติบโตจากปีก่อน 285% ส่วนแบ่งตลาด 30% เป็นอันดับ 1 ของผู้ส่งออกรถยนต์ของประเทศ โดยปีนี้เป็นปีแรกที่เราส่งออกรถยนต์ และชิ้นส่วนในโครงการไอเอ็มวี รวมทั้งรถยนต์นั่ง พร้อมด้วยชิ้นส่วนอะไหล่อีก 17,000 คอนเทนเนอร์ คิดเป็นมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้นประมาณ 110,000 ล้านบาท โดยเราได้ปรับกำลังการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าทั้งภายในและต่างประเทศ โดยคาดว่าจะมีกำลังการผลิต 405,000 คันต่อปี แบ่งเป็นกำลังการผลิตของโรงงานประกอบรถยนต์สำโรง 272,000 คัน และกำลังการผลิตของโรงงานประกอบรถยนต์เกตเวย์ 133,000 คัน โดยเรามีเป้าหมายในการครองอันดับ 1 ในด้านการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า ด้วยการพัฒนาผู้แทนจำหน่ายในเรื่องคุณภาพการบริการ การขยายโชว์รูมและศูนย์บริการทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด เช่นเดียวกับความมุ่งมั่นในการส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสังคมไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่เรายึดถือปฏิบัติมาตลอดระยะเวลา 43 ปี ของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย"--จบ--