นายชัชวาลย์ วณิชไพสิฐ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ดีพลัส คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้บริหารร้าน แว่นกรุงไทย KT-Optic เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนที่จะบุกตลาดธุรกิจร้านแว่นตาจริงจัง ด้วยงบลงทุนประมาณ 50 ล้านบาท ด้วยการขยายสาขาใหม่อย่างน้อย 18 แห่ง ภายในปีนี้ โดยมีเป้าหมายให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ รวมถึงการปรับปรุงสาขาเก่าให้มีรูปลักษณ์ทันสมัยเหมาะสมกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายระดับกลางถึงบน
สำหรับสาขาใหม่ จะมีทั้งสาขาปรกติที่มีพื้นที่ประมาณ 50-70 ตารางเมตร และสาขาขนาดใหญ่ในรูปแบบของแฟลกชิปสโตร์ ที่มีความแตกต่างจากสาขาปกติ ทั้งเรื่องการให้บริการ และขนาดพื้นที่ มีพื้นที่มากถึง 200 ตารางเมตร หรือใหญ่มากถึง 4 เท่าของสาขาปกติ ภายในสาขาจะมีมุมพักคอยที่เป็นสัดส่วน มุมอินเทอร์เน็ต ตลอดจนการจัดโซนนิ่งสินค้าให้เป็นหมวดหมู่ และได้เสริมสินค้าที่มีความแตกต่างจาก ท้องตลาดทั่วไปด้วยสินค้ากลุ่ม Nich ฺBrand เช่น IYOKO IYAKE / JAPONISM / AVIERO MARTINI Full collections มากที่สุดในประเทศไทย ในส่วนสินค้า พรีเมี่ยมแบรนด์ อื่น ๆ ยังคงให้บริการเช่นเดิม และมีแผนเปิดสาขาต้นแบบอีก หากได้รับการตอบรับอย่างดี บริษัทฯพร้อมที่จะลงทุนร้านในรูปแบบดังกล่าวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ได้ทดลองเปิดให้บริการแห่งแรกที่ห้างฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต ปรากฏว่าได้รับการตอบรับในเกณฑ์ที่น่าพอใจ และจะ Grand Opening ในเดือนสิงหาคมนี้ โดยจะมีการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ครั้งแรกของ KT-Optic หลังจากเปิดให้บริการมานานกว่า 35 ปี หลังจากนั้น จะเปิดสาขา Flag Ship Store แห่งที่2 ต่อไปที่ศูนย์การค้าซคอน สแควร์
สำหรับการเปิดสาขาฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิตอย่างเป็นทางการ จะมีการโชว์แว่นตาเก่าแก่ในยุคสมัยเมจิ(ยุคซามูไร) นำเข้ามาจากพิพิธภัณฑ์แว่นตา ประเทศญี่ปุ่น มีอายุประมาณเกือบ 200 ปี ทั้งนี้ผู้ที่ครอบครองแว่นตาในสมัยดังกล่าวถือเป็นเป็นเครื่องแสดงฐานะของอัครมหาเศรษฐี หรือ ฐานันดรศักดิ์ของเหล่าขุนนางชั้นสูง อาทิ โชกุน โดยจะเหน็บซองแว่นตาไว้ข้างเอว. ทั้งนี้ก็เพราะการทำแว่นตานั้นเป็นเรื่องของการใช้เทคโนโลยีการทำขั้นสูง วัสดุที่ใช้เป็นของมีค่ามาก คนญี่ปุ่นสมัยก่อนต้องนำเข้าเท่านั้นซึ่งมีราคาที่แพงมาก. โดยแว่นตาทำมาจากทองแดง ซองแว่นนั้นทำมาจากหนังปลาฉลาม หรือกระดองเต่า เลนส์ทำมาจากหินน้ำตกที่อยู่ภายใต้น้ำตก และ ป้ายทำมาจากงาช้าง นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการแสดงนิทรรศการภาพถ่ายแว่นตาสมัยโบราณ และการเดินแฟชั่นโชว์อีกด้วย
"ในอดีตร้านแว่นตาจะมีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ และมีความรู้สึกอึดอัดที่ต้องมาใช้บริการ แต่ร้านต้นแบบที่ฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต จะเป็นสาขาที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ครอบคลุมและสมบูรณ์ที่สุด ทั้งการกำหนดโซนสินค้าที่แยกเป็นโซนสินค้าใหม่ โซนขายดี โซนโปรโมชั่น โซนสินค้าราคาประหยัด มุมกาแฟ และมุมอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะช่วยลูกค้าคัดกรองสินค้าที่ต้องการได้ในระดับหนึ่ง โดยไม่ต้องพึ่งพาพนักงานขายมาช่วยแนะนำสินค้า เพราะจากการสำรวจพบว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการเลือกสินค้าด้วยตัวเอง ก่อนที่จะให้พนักงานขายมาช่วยแนะนำ อย่างไรก็ตาม หากลูกค้าต้องการคำแนะนำพนักงานขายก็พร้อมที่จะช่วยให้คำปรึกษา ซึ่งเป็นจุดแข็งของ KT-Optic ที่พนักงานขายจะได้รับการอบรมจนถึงขั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญในการแนะนำการเลือกแว่นตาให้เหมาะกับบุคลิกภาพของลูกค้าซึ่งรูปแบบนี้ในต่างประเทศเริ่มมีบ้าง"นายชัชวาลย์กล่าว
สำหรับสาขาในรูปแบบปกติจะเปิดตามแผนอีก 16 แห่ง ใช้งบลงทุนประมาณ 4 ล้านบาทต่อสาขา ตั้งอยู่ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในย่านชุมชน ในศูนย์การค้า ไฮเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้เปิดสาขาใหม่แล้ว 10 แห่ง และจะเปิดสาขาใหม่ครบทั้งหมดภายในปลายปีนี้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ จะปรับโฉมสาขาเก่าที่เปิดให้บริการมานาน 5-6 ปีขึ้นไป ส่วนสาขาที่เปิดไม่นาน จะเน้นปรับเพียงโลโก้ให้เหมือนกันทุกแห่ง โดยเลือกใช้โทนสีเขียว ทั้งภายในร้านและชุดพนักงาน เพื่อสร้างบรรยากาศในการเลือกซื้อแว่นตา โดยโทนสีเขียวเป็นเป็นโทนสีที่ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลายและสบายตา
บริษัทฯ มีโรงเรียนสอนตรวจวัดสายตาที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการเป็นของตนเองโดยนำหลักสูตรการวัดสายตา(Optometry) จากประเทศสหรัฐอเมริกาและจ้าง Doctor Of Optometry จากต่างประเทศมาเป็นอาจารย์พิเศษ ซึ่งเปิดสอนมาตั้งแต่ปี 2545 และจะมีการพัฒนาหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีในปีนี้ นายชัชวาลย์ เล็งเห็นความสำคัญในการเพิ่มศักยภาพบุคลากรของบริษัทฯจึงจับมือเป็นพันธมิตรกับบริษัทผลิตเลนส์ Essilor ประเทศฝรั่งเศส เปิดอบรมหลักสูตรพิเศษ เอสซีลอร์ ดิสเพนซิ่ง โปรแกรม ซึ่งจะจัดอบรมให้พนักงานของร้าน KT-Optic ได้เข้าอบรมเรียนภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ 7 หัวข้อได้แก่ การเรียนรู้ลักษณะกายและสรีระของดวงตา การปรับความคมชัดของดวงตา สาเหตุของการเกิดปัญหาค่าสายตา การแก้ปัญหาสายตา การตรวจหาค่าสายตาเอียง การตรวจวัดค่าสายตาผู้สูงอายุ การวัดและประกอบเลนส์ไร้รอยต่อระดับ HI — ENDโปรแกรมดังกล่าวจะช่วยเพิ่มความรู้ และยกระดับความชำนาญให้พนักงานในร้าน KT Optic เรื่องสายตา แว่นตาและเทคนิคการเลือกแว่นที่ช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพด้วย
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ยอดขายลดลงไม่มากนัก หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นไปตามสภาพเศรษฐกิจชะลอตัวที่ลุกลามไปทั่วโลก ทำให้ผู้ซื้อขาดความเชื่อมั่น รวมถึงชะลอการตัดสินใจซื้อ แต่คาดว่าในช่วงไตรมาส 3 ต่อเนื่องไตรมาสสุดท้ายยอดขายน่าจะได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะปรับตัวดีขึ้นจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งคาดว่าจะมีการจ้างงานมากขึ้นราว 1.6-2 ล้านคน
ด้านกลยุทธ์การตลาด นายชัชวาลย์ กล่าวว่า จะเน้นการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง โดยเน้น below the line ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรง ด้วยการจัดอีเว้นท์ และโรดโชว์ รวมถึงจัดโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขาย เพื่อให้ KT Optic เป็นแบรนด์ที่ครองใจผู้บริโภคภายใน 3 ปีข้างหน้า
ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ
ลัชชา กาญจนะ