เตรียมเปิดคลินิกผลิตครูรุ่นใหม่

จันทร์ ๑๕ มิถุนายน ๒๐๐๙ ๐๙:๔๓
กระตุกรัฐผลิตครูรุ่นใหม่ หลังพบผลการเรียนเด็กไทยน่าห่วง ทั้งที่ส่วนใหญ่เป็นเด็กฉลาด เผยสาเหตุเพราะครูขาดทักษะในการเข้าถึงเด็กอย่างแท้จริง มุ่งเน้นวิชาการ มากกว่าความสามารถอื่น เตรียมเปิดคลินิกครูเป็นต้นแบบในการจัดการเรียนการสอนแบบใหม่ เพื่อตอบสนองต่อการมีส่วนร่วมของผู้เรียนในงานประชุมการศึกษานานาชาติ EDUCA 2009

ศ.คลินิก พญ. วินัดดา ปิยะศิลป์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาผลการเรียนของเด็กไทยน่าเป็นห่วง จากการสำรวจของสถาบันระดับโลกจะพบว่าประเทศไทยอยู่อันดับท้าย ๆ ซึ่งสอดคล้องกับรายงานผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ (O-NET) ของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในปี พ.ศ.2551 พบว่า ผลสอบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ได้คะแนนเฉลี่ยทุกวิชาไม่ถึงร้อยละ 50 ซึ่งลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับการทดสอบในปี 2544-2546 ที่เด็กได้คะแนนเฉลี่ยในวิชาต่าง ๆ อยู่ในระดับ 70-79 % รวมทั้งยังขาดความเข้มแข็งในด้านความรู้และทักษะพื้นฐานในการทำงานด้านความคิด วิเคราะห์และสร้างสรรค์ ทักษะการอ่านของนักเรียนไทยส่วนใหญ่ไม่เกินระดับ 2 จากทั้งหมด 5 ระดับ

พญ.วินัดดา กล่าวอีกว่า แม้ว่าจะปรากฎภาพความสำเร็จของเด็กไทยที่คว้ารางวัลต่าง ๆ ในการแข่งขันระดับโลกได้หลายครั้งก็ตาม แต่ก็เป็นเด็กจำนวนน้อยนิดจากโรงเรียนเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการกระจายโอกาสทางวิชาการไม่ทั่วถึงเมื่อเทียบกับนานาชาติ จากผลการประเมินของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท. โครงการ PISA) ในปี 2546 พบเด็กวัยเรียนไทยส่วนใหญ่ยังอ่อนด้อยด้านการเรียนรู้คณิตศาสตร์และการแก้ปัญหาเมื่อเปรียบเทียบกับนานาชาติและประเทศในแถบเอเชีย เช่น เกาหลี ฮ่องกง ญี่ปุ่น และมีทักษะค้นหาสาระจากข้อความที่อ่านค่อนข้างต่ำกว่าด้านอื่น

“จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงคุณภาพด้านการเรียนรู้ของเด็กเกิดจากความรู้ความเข้าใจของพ่อแม่และที่สำคัญขึ้นกับคุณภาพของครู ในการสร้างรากฐานการเรียนฝึกฝนให้คิดเป็น ทำเป็น อ่านออก เขียนได้ ค้นคว้าข้อมูลทั้งคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจเลือกข้อมูลที่สำคัญเพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ดังนั้นคุณภาพการเรียนของเด็กจึงเป็นภาพสะท้อนคุณภาพครู” พญ.วินัดดา กล่าว

ผู้ช่วย ผอ.สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวต่อว่า ในฐานะที่เป็นแพทย์ซึ่งดูแลปัญหาสุขภาพกายและสุขภาพจิตของเด็กมาตลอดพบว่า ความจริงแล้ว เด็กฉลาดพบได้มาก จะพบเด็กไม่ฉลาด เพียง 1-3% เท่านั้น แสดงว่ายังมีเด็กฉลาดแต่เรียนไม่เก่งอีกมาก เพียงแต่ระบบการเรียนการสอนและการให้ความช่วยเหลือเด็กที่มีปัญหาการเรียนของเรายังไม่ดีพอ

นอกจากนี้ปัญหาสุขภาพของเด็กที่เป็นอุปสรรคขัดขวางการเรียนได้แก่ ปัญหาการได้ยินการมองเห็นบกพร่อง ปัญหาความบกพร่องในการเรียนรู้ โรคสมาธิสั้น ภาวะปัญญาอ่อน ซึ่งหากไม่มีทีมสหวิชาชีพในโรงเรียนทำงานอย่างเป็นระบบ เด็กกลุ่มนี้อาจขาดโอกาสในการเข้าถึงการศึกษา เนื่องจากครูเองยังขาดทักษะในการวิคราะห์ และการช่วยเหลืออย่างถูกวิธี

ขณะเดียวกันระบบการเรียนการสอนในปัจจุบันไม่สร้างความมั่นในให้กับเด็กเท่าที่ควร ดูได้จากสถิติการเข้าสู่โรงเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ปีละ 8-9 แสนคน ต่อปี เมื่อจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 เด็กที่กล้าสอบเข้ามหาวิทยาลัยมีเพียง 100,000 คนเท่านั้น แสดงว่ามีเด็กเพียง 15% เท่านั้นที่พร้อมแข่ง แต่อีกกว่า 7 แสนคนมีความรู้สึกว่าตัวเองไม่เก่ง ไม่มั่นใจว่าจะสู้คนอื่นได้ และหากระบบการศึกษายังมุ่งเน้นแต่เฉพาะเด็กเก่ง เราก็จะลากสังคมไปทั้งหมดเพื่อเด็กกลุ่มเดียว แต่เด็กที่เหลือยังไม่มีระบบรองรับในการช่วยเหลือ ซึ่งถ้าไปดูรากฐานลึก ๆ ของเด็กที่มีปัญหาเรื่องอารมณ์ พฤติกรรม มักจะเป็นปัญหามาจากการล้มเหลวทางด้านการเรียน เนื่องจากระบบไม่สามารถพัฒนาความสามารถด้านอื่นที่จะทำให้เด็กรู้สึกภูมิใจในตัวเอง จึงอยากเรียนไปถึงรัฐบาลว่าการจะปฏิรูปการศึกษาควรจะให้ความสำคัญกับการปฎิรูปหลักสูตรครู เพิ่มปริมาณครู พัฒนาระบบค่าตอบแทนและเน้นคุณภาพครูมากกว่าที่จะปรับเปลี่ยนเนื้อหาวิชาการที่มีการปรับเปลี่ยนเป็นระยะจนครูทำตามไม่ทัน ถ้าคนเก่งแย่งกันมาเรียนครูและสอนเด็กของเราแล้ว เชื่อว่าคุณภาพของเด็กไทยจะเปลี่ยนไปอีกมาก นั่นหมายถึงอนาคตของชาติก็จะเปลี่ยนไป ” พญ.วินัดดา กล่าว

ผู้ช่วย ผอ.สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวด้วยว่า รัฐบาลชุดนี้ให้ความสำคัญกับระบบการศึกษา ก็อยากให้มองและแก้ปัญหาให้ถึงแก่นอย่างจริงจังและผลักดันให้เกิดระบบการผลิตครูรุ่นใหม่เพื่อตอบสนองต่อการมีส่วนร่วมของผู้เรียน และให้ทุกฝ่าย ทั้งรัฐและเอกชน NGO เข้ามาช่วยแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ และในงาน ECUCA 2009 ระหว่างวันที่ 15-17 ตุลาคม 2552 ณ ศูนย์ประชุมไบเทคบางนา ตนและผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กจากโรงพยาบาลต่าง ๆ ผู้เชี่ยวชาญด้านหลักสูตรการเรียนการสอน ผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อและเทคโนโลยีทางการศึกษาจากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ จะมาเปิดคลินิกครูเพื่อให้คำปรึกษาครูตลอดจนผู้ปกครองให้ได้เข้าถึงเด็ก และร่วมกันพัฒนาเด็กให้เติบโตอย่างเต็มศักยภาพของแต่ละคนอย่างแท้จริง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 081-7536119 มหาวิทยาลัยบูรพา

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ