ผลภายหลังการเข้าหารือกับเลขาธิการ กทช. มีความชัดเจนว่าการขึ้นทะเบียนล่วงหน้าดังกล่าว คณะกรรมการ กทช.ไม่สามารถออกใบอนุญาตให้แก่คลื่นธุรกิจ และคลื่นสาธารณะได้ โดยผู้ที่มีสิทธิอยู่ในข่ายจะได้รับใบอนุญาตประเภทคลื่นชุมชนต้องมีคุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาต มีมาตรฐานทางเทคนิคของกำลังส่งและเสาสูง และไม่มีโฆษณาตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น ดังนั้น กรณีสถานีใดไปขึ้นทะเบียนเพื่อขอรับใบอนุญาตคลื่นวิทยุชุมชนจะต้องปรับลดความสูงของเสา กำลังส่ง และต้องไม่มีโฆษณาตามเงื่อนไขที่คณะทำงานด้านวิทยุกระจายเสียงชุมชนกำหนดทันที ส่วนคลื่นธุรกิจ และคลื่นสาธารณะซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจหน้าที่ของคณะทำงานดังกล่าว เลขาธิการ กทช. นายสุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร เสนอทางออกให้ สอทช. ไปรวบรวมรายชื่อคลื่นธุรกิจ และคลื่นสาธารณะทั้งหมดมาขึ้นทะเบียนต่อสำนักงาน กทช. และกำหนดหลักเกณฑ์ชั่วคราวในการอนุญาตให้มีการทดลองออกอากาศเพื่อเตรียมความพร้อมโดยสำนักงาน กทช. จะสนับสนุนการดำเนินการอย่างเต็มที่
นายวิโรจน์ พูลสุข ประธานสภา สอทช. ได้นำเสนอหลักการขึ้นทะเบียนต่อเลขาธิการ กทช. โดยจะจัดทำข้อมูลของสถานีที่มาขึ้นทะเบียนกับ สอทช. ไว้แล้ว พร้อมที่ กสทช. จะใช้ในการพิจารณาออกใบอนุญาตให้ได้ทันที และในระหว่างการเตรียมความพร้อมนี้ทุกคลื่นที่มาขึ้นทะเบียนกับ สอทช. จะต้องดำเนินการภายใต้กฏเกณฑ์การออกอากาศ ผังรายการ การโฆษณา กำลังส่ง ตามมาตรฐานที่ อสทช. ร่วมกับสมาชิกกำหนดร่วมกัน ซึ่งทุกอย่างจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2552
นายวีระ สะดมพฤกษ์ หนึ่งในกรรมการบริหารกล่าวว่า แนวทางที่ได้นำเสนอต่อเลขาธิการ กทช. เป็นแนวทางที่สร้างความชัดเจนต่อการแก้ไขปัญหา โดยจะแยกประเภทกันอย่างชัดเจน และเห็นว่าจุดยืนของ สอทช. สนับสนุนให้มีการขึ้นทะเบียนคลื่นชุมชนกับคณะทำงานวิทยุกระจายเสียงชุมชน เฉพาะผู้มีคุณสมบัติตรงตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น โดยผู้นำองค์กรจะเป็นผู้รวบรวมเอกสารนำไปยื่นต่อคณะทำงานดังกล่าว เพื่อป้องกันความสับสน ในขณะที่นายเจริญ ถิ่นเกาะแก้ว หนึ่งในคณะกรรมการบริหาร ย้ำว่าสมาชิก สอทช. ขอให้ติดตามข่าวสารที่ถูกต้องและชัดเจนจากสำนักข่าวประชาชน CRTV NEWS เพื่อป้องกันความสับสนระหว่างคลื่นธุรกิจ กับคลื่นชุมชน ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน หากการสื่อสารผิดพลาดผู้ที่เคยประกอบกิจการคลื่นธุรกิจที่มีโฆษณามาก่อน ไปขึ้นทะเบียนเป็นคลื่นวิทยุชุมชน จะไม่สามารถมีโฆษณา ต้องปรับลดขนาดเสา และกำลังทันที หากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขนี้ก็เท่ากับผิดกฎหมาย ไม่แตกต่างไปจากคลื่นที่ยังไม่ขึ้นทะเบียน
ในส่วนของคลื่นวิทยุชุมชน นายอนุวัตน์ จันทร์ลอย และนายนพดล มากทอง หนึ่งในคณะกรรมการบริหารเห็นว่า ก่อนขึ้นทะเบียนทุกคลื่นต้องมีการสำรวจคุณสมบัติให้ครบถ้วน และพิจารณาศึกษากฏเกณฑ์ที่จะออกมาให้เข้าใจ เพื่อจะได้ปฏิบัติโดยถูกต้อง และเห็นด้วยที่ทุกคลื่นควรรวมตัวกันขึ้นทะเบียนผ่านผู้นำองค์กรเพื่อลดความสับสน และให้ทุกคลื่นอยู่บนมาตรฐานเดียวกัน
“ผู้ประกอบการ หรือเจ้าของคลื่นธุรกิจที่มีโฆษณา หรือคลื่นสาธารณะที่ยังไม่เข้าร่วมกลุ่ม หรือองค์กรใด ควรประสานงานกับตัวแทน สอทช. ในจังหวัด เพื่อร่วมเป็นสมาชิก ซึ่งจะได้รับข่าวสารการจัดประชุม หรือการออกกฎหมาย กฏเกณฑ์ต่าง ๆ ที่ถูกต้อง ขณะนี้ สอทช. จะเป็นศูนย์กลางในการทำงานร่วมเครือข่ายวิทยุและโทรทัศน์ภาคประชาชน อาจกล่าวได้ว่าเป็น “วิทยุและทีวีพูลภาคประชาชน” ที่มีเครือข่ายกว่า 3,000 สถานี ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ต่อไปจะมีการเชื่อมโยงรายการ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ให้เป็นไปในมาตรฐานเดียวกัน สอทช. มีแผนงานจัดการฝึกอบรมในด้านต่าง ๆให้แก่สมาชิก เพื่อยกระดับมาตรฐานให้แก่คลื่นธุรกิจ และคลื่นสาธาณณะ ซึ่งการรวมตัวเป็นสมาชิก สอทช. จะเป็นประโยชน์ต่อการทำคลื่นวิทยุอย่างยิ่ง” นายนพดล กล่าวย้ำต่อคลื่นอิสระต่าง ๆ ที่ยังไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมกับองค์กรหรือหน่วยงานใด
สำหรับแนวทางการดำเนินการของนายวิโรจน์ ประธานสภา สอทช. กล่าวว่าในสัปดาห์นี้จะมีการนำเสนอโครงการขึ้นทะเบียนคลื่นวิทยุธุรกิจ และคลื่นสาธารณะต่อเลขาธิการ กทช. โดยใช้ข้อมูลที่สมาชิกได้มาขึ้นทะเบียนเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2552 ในการแจ้งจดทะเบียนของเตรียมความพร้อมในการขอรับใบอนุญาต โดยในระหว่างนี้ สอทช. จะร้องขอให้คณะกรรมการ กทช. พิจารณาออกใบอนุญาตทดลองออกอากาศ เพื่อผ่อนปรนในระหว่างนี้ไปพลางก่อน แต่ภายใต้กรอบของการผ่อนปรนดังกล่าว สมาชิก สอทช. จะต้องดำเนินการออกอากาศภายใต้หลักเกณฑ์และวิธีการที่ สอทช. กำหนดบนพื้นฐานของกฎหมาย ซึ่งจะมีการยกร่างระเบียบว่าด้วยการเตรียมความพร้อมสำหรับคลื่นธุรกิจและคลื่นสาธารณะ ในการทดลองออกอากาศ เพื่อรอการขอรับใบอนุญาตให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนมิถุนายน 2552 เพื่อนำมาใช้ต่อไป ทั้งนี้ ในกลางเดือนกรกฎาคม 2552 สอทช. จะร่วมกับสำนักงาน กทช. ในการจัดให้มีการประชุมเพื่อทำความเข้าใจระเบียบปฏิบัติดังกล่าวที่กรุงเทพมหานคร และเปิดรับจดทะเบียนสำหรับผู้ยังไม่ได้ยื่นคำขอขึ้นทะเบียนต่อ สอทช. เป็นครั้งสุดท้ายในวันดังกล่าว ซึ่งในระหว่างนี้ สอทช. ยังคงเปิดโอกาสให้ยื่นคำขอขึ้นทะเบียน โดยแต่ละจังหวัดสามารถติดต่อขอรับแบบฟอร์ม และส่งใบคำขอขึ้นทะเบียนผ่านตัวแทนองค์กรที่เป็นแกนนำได้จนถึงกลางเดือนกรกฎาคม 2552 หลังจากนั้น จะปิดการขึ้นทะเบียน เพื่อรวบรวมเอกสารการจดทะเบียนนำส่งให้สำนักงาน กทช. ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป