คอนติเนนทอล เปิดโรงงานผลิตชิ้นส่วนระบบส่งกำลังและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในยานยนต์ ที่นิคมอุตสาหกรรม อมตะซิตี้

พุธ ๑๗ มิถุนายน ๒๐๐๙ ๑๕:๐๒
อมตะซิตี้ จังหวัดระยอง คอนติเนนทอล เอจี ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ระดับนำของโลก ทำพิธีเปิดโรงงานแห่งแรกอย่างเป็นทางการของ คอนติเนนทอล ออโตโมทีฟ (ประเทศไทย) จำกัด ที่นิคมอุตสาหกรรม อมตะซิตี้ ระยอง ประเทศไทย สายการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ที่โรงงานแห่งใหม่นี้จะผลิตผลิตภัณฑ์หัวฉีด ปั๊มแรงดันสูง อุปกรณ์คลัสเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในรถยนต์ เพื่อส่งออกป้อนไปยังลูกค้าในตลาดภูมิภาคเอเชีย และยุโรป

มร, โวลเกอร์ วาร์เนกเกอร์ รองประธานอาวุโส ธุรกิจส่งกำลัง ประจำภูมิภาคเอเชีย กล่าวในพิธีเปิดว่า “การเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ในการสร้างความเข้มแข็งให้กับเครือข่ายฐาน การผลิตของคอนติเนนทอลในเอเชีย อีกทั้งยังตอกย้ำความเป็นผู้นำของเราในภูมิภาคนี้ คอนติเนนทอลมีความตั้งใจที่จะให้เอเชียเป็นภูมิภาคที่จะสามารถสร้างยอดขายถือเป็นสัดส่วนร้อยละ 25 ภายในปี 2556”

ด้วยเงินลงทุนกว่า 100 ล้านยูโร หรือประมาณ 5,000 ล้านบาท โรงงานคอนติเนนทอลที่นิคมอุตสาหกรรม อมตะซิตี้ จะเป็นฐานในการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในสองส่วนธุรกิจ คือ ธุรกิจระบบส่งกำลังและธุรกิจอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในยานยนต์ โรงงานแห่งนี้มีเนื้อที่ใช้สอยมากกว่า 50,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย ตัวอาคารและสำนักงานบนเนื้อที่ประมาณ 25,000 ตารางเมตร และสายการผลิต บนเนื้อที่ 11,500 ตารางเมตร ในบริเวณโรงงานยังครอบคลุมส่วนปฏิบัติงานที่สำคัญ เช่น โลจิสติกส์ ห้องสะอาดปราศจากฝุ่น และหน่วยกลางจัดหาน้ำมันหล่อลื่นเพื่อการผลิต

โรงงานคอนติเนนทอล ที่อมตะซิตี้ จะทำการผลิตผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์ของธุรกิจระบบส่งกำลัง ได้แก่หัวฉีดดีเซลคอมมอนเรล เพียโซ (piezo) และปั๊มแรงดันสูง สำหรับการส่งออกไปยังตลาดประเทศจีน อินเดีย และยุโรป โดยจะเริ่มส่งออกชุดแรกตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน 2552 เป็นต้นไป และตั้งแต่ปี 2553 จะเริ่มการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในประเทศไทย ในอนาคตโรงงานแห่งนี้จะขยายการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในรถยนต์เช่น อุปกรณ์คลัสเตอร์ โรงงานแห่งนี้มีกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์ปั๊มแรงดันสูงได้ 500,000 ตัวต่อปี และผลิตภัณฑ์หัวฉีดอินเจคเตอร์ได้ 2.5 ล้านชิ้นต่อปี

มร. ไรเนอร์ ดัวร์ไฮเดอร์ ผู้จัดการทั่วไป ของโรงงานคอนติเนนทอล ที่อมตะซิตี้ ได้กล่าวถึงความสำคัญของการเลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิตว่า “นอกจากประเทศไทยจะเป็นตลาดของเราแล้ว การเข้ามาตั้งโรงงานของคอนติเนนทอล ยังจะสร้างรายได้ให้กับประเทศไทย ทั้งด้านการใช้วัตถุดิบภายในประเทศ และเพิ่มการว่าจ้างงานท้องถิ่นด้วย ในระยะเริ่มแรก คอนติเนนทอล ได้วางแผนว่าจะทำการสั่งซื้อวัสดุชิ้นส่วนและส่วนประกอบจากซัพพลายเออร์ภายในประเทศในปริมาณร้อยละ 40 และตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นไป ชิ้นส่วนยานยนต์ที่ผลิตจากโรงงานแห่งนี้กว่าร้อยละ 70 จะป้อนเข้าตลาดสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ และร้อยละ 30 เพื่อการส่งออกไปยังตลาดในประเทศอินเดีย และภูมิภาคยุโรป”

การตัดสินใจเปิดโรงงานผลิตของคอนติเนนทอลที่อมตะซิตี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการสร้าง ฐานการผลิตและอนาคตทางธุรกิจที่มั่นคงในประเทศไทย มร. โธมัส แชมเบอร์ส กรรมการผู้จัดการ คอนติเนนทอล ออโตโมทีฟ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “เราตระหนักดีว่า เอเชียคือศูนย์กลางการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต และประเทศไทยคือศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ในกลุ่มอาเซียน การเปิดโรงงานผลิตแห่งใหม่ของเราในวันนี้คือนิมิตหมายของการขยายธุรกิจของเราในภูมิภาคนี้ ที่จะให้บริการที่มีประสิทธิภาพกว่า ด้วยการส่งมอบเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าสูงให้กับบริษัทผลิตรถยนต์ในประเทศไทย และยังเป็นฐานการผลิตเพื่อการส่งออกของคอนติเนนทอลไปยังประเทศต่างๆ อีกด้วย”

สิ่งที่น่าจะจับตามองเป็นอย่างมากของอุตสาหกรรมยานยนต์ในเอเซียซึ่งกำลังเติบโต คือความต้องการยานยนต์ที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และในราคาที่สามารถซื้อหาได้ ซึ่งหมายถึง รถยนต์ราคาประหยัดที่ใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด "ผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์ที่มาจากนวัตกรรมเทคโนโลยีของคอนติเนนทอล ทำให้เราในฐานะผู้ผลิตชั้นนำของโลก พร้อมที่จะผลักดันให้อุตสาหกรรมไปสู่การขับขี่ยานยนต์ที่ก่อให้เกิดมลภาวะในอัตราที่เป็นศูนย์ ด้วยการลดทั้งมลพิษคาร์บอนไดออกไซด์ และมลพิษทางเสียงไปจาก การเดินทางบนท้องถนนในอนาคต" มร.วาร์เนกเกอร์กล่าวและย้ำถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจที่มุ่งให้เกิดความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้นโยบายเมกะเทรนด์ของคอนติเนนทอล

คอนติเนนทอล ได้เริ่มการก่อสร้างโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้มาตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2551 และเมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2551 ได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์โรงงาน และในเดือนสิงหาคม 2551 ก็ได้เปิดสำนักงานบริหารและการขายในกรุงเทพ

กลุ่มคอนติเนนทอล คอร์ปอเรชั่น เป็นหนึ่งในผู้ผลิตและส่งมอบชิ้นส่วนยานยนต์ชั้นนำลำดับต้นๆ ของโลก มียอดขายในปี 2551 มากกว่า 24 พันล้านยูโร หรือประมาณ 1.08 ล้านล้านบาท (1,080 พันล้านบาท) ในฐานะที่กลุ่มคอนติเนนทอล เป็นผู้จัดหาผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์ที่สำคัญ ได้แก่ ระบบเบรก ระบบและชิ้นส่วนสำหรับระบบส่งกำลังและแชสซี หน้าปัดรถยนต์ อุปกรณ์เพิ่มความบันเทิงในรถยนต์ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ในยานยนต์ ยางรถยนต์และยางสังเคราะห์ เป็นต้น กลุ่มคอนติเนนทอล มุ่งมั่นพัฒนาระบบและส่งเสริมให้เกิดความปลอดภัยในการขับขี่สูงสุด อีกทั้งร่วมกันปกป้องสภาพแวดล้อมของโลกด้วย นอกจากนี้คอนติเนนทอลยังเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่เข้มแข็งในการพัฒนาเครือข่ายการสื่อสารที่ใช้ในยานยนต์ ปัจจุบัน กลุ่มคอนติเนนทอล คอร์ปอเรชั่น มีพนักงานประมาณ 133,000 คน ในสำนักงานกว่า 190 แห่งใน 35 ประเทศทั่วโลก

กลุ่มยานยนต์ของคอนติเนนทอล เป็นหนึ่งในผู้นำการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ลำดับต้นๆ ของโลก ประกอบด้วย 3 ส่วนธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจแชสซีและความปลอดภัย ธุรกิจระบบส่งกำลัง และธุรกิจอุปกรณ์สื่อสารภายในรถยนต์ มียอดขายมากกว่า 15,000 ล้านยูโร ในปี 2008 กลุ่มยานยนต์คอนติเนนทอล มีพนักงานประมาณ 80,000 คน ในสำนักงานกว่า 130 แห่งทั่วโลก ในฐานะพันธมิตรของอุตสาหกรรมยานยนต์ คอนติเนนทอลได้มีการพัฒนาและผลิตชิ้นส่วนและระบบที่เป็นนวัตกรรมที่ตอบสนองต่อยานยนต์แห่งโลกอนาคตที่รถยนต์สามารถตอบสนองความต้องการส่วนบุคคล ให้ความเพลิดเพลินในการขับขี่มีความปลอดภัยในการขับขี่สูง อีกทั้งร่วมกันปกป้องสภาพแวดล้อมของโลกและราคาประหยัดคุ้มค่าด้วย

ธุรกิจแชสซีและความปลอดภัย (ยอดขาย 5,100 ล้านยูโร พนักงาน 27,000 คน) พัฒนาและผลิตระบบเบรกอิเล็กทรอนิกส์ ระบบเบรกไฮดรอลิก ระบบควบคุมแชสซี เซ็นเชอร์ ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ระบบควบคุมถุงลมนิรภัย เช่นเดียวกับระบบกันสะเทือนแบบถุงลม ความสามารถหลักของธุรกิจนี้คือ การบูรณาการการป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุและการปกป้องเมื่อเกิดการชนไปสู่แนวคิดความปลอดภัยของคอนติการ์ด

ธุรกิจระบบส่งกำลัง (ยอดขาย 4,000 ล้านยูโร พนักงาน 25,000 คน) จะผสมผสานนวัตกรรม และการแก้ปัญหาของระบบส่งกำลังยานยนต์ ระบบเหล่านี้เพิ่มสมรรถนะและความสะดวกสบายในการขับขี่ ขณะเดียวกันก็ช่วยลดการใช้พลังงานและปล่อยก๊าซ CO2 ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่อย่างครอบคลุมรวมถึงหัวฉีดแกสโซลีนและดีเซล ระบบจัดการเครื่องยนต์ ระบบควบคุมเกียร์ เซ็นเซอร์ และแอคทูเอเตอร์ ระบบจ่ายเชื้อเพลิงและชิ้นส่วน และระบบสำหรับรถยนต์ไฮบริด

การจัดการข้อมูลเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจอุปกรณ์การสื่อสารภายในยานยนต์ (ยอดขาย 5,800 ล้านยูโร พนักงาน 30,000 คน) ธุรกิจนี้ประกอบด้วยอุปกรณ์ภายในรถยนต์และหน้าปัดแสดงข้อมูล หน่วยควบคุมการเปิดปิดรถยนต์อัตโนมัติ ระบบตรวจสอบยางรถ วิทยุ ระบบมัลติมีเดียและระบบนำทางระบบควบคุมอุณหภูมิ เทเลมาติกส์ โมดุลที่นั่งคนขับ ผลิตภัณฑ์และบริการเสริมอื่นๆ สำหรับยานพาหนะเพื่อการพาณิชย์และยานพาหนะพิเศษ อะไหล่สำหรับบริการหลังการขาย และบริการสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ตกรุ่นไปแล้ว

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ

คุณปัณรษี ไทยวัชรามาศ

บริษัท พีอาร์ แอนด์ แอสโซซิเอส จำกัด

โทรศัพท์ 0-2651-8989 ต่อ 222

อีเมล์ [email protected]

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version