ล่าสุด ได้นำสื่อมวลชนเข้าเยี่ยมชมฟาร์มเลี้ยงเป็ดของ บริษัท เอส.ที.ดี.เจริญฟาร์ม จำกัด ใน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นผู้ประกอบการฟาร์มเป็ดรุ่นใหม่ที่สามารถพัฒนาปรับปรุงฟาร์ม ตลอดจนวิธีบริหารจัดการฟาร์มได้ในมาตรฐานเดียวกับของซีพีเอฟ
“ในอดีตที่ผ่านมา CPF มีการส่งเสริมการเลี้ยงเป็ดสู่เกษตรกรรายย่อย โดยใช้วิชาการและเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยพัฒนาปรับปรุงกระบวนการเลี้ยงทำให้การเลี้ยงเป็ดของเกษตรกรในโครงการของซีพีเอฟพัฒนาเข้าสู่ระบบฟาร์มปิดตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ต่อมาเกิดวิกฤตไข้หวัดนก เกษตรกรรุ่นใหม่ตลอดจนลูกค้าและผู้ประกอบการ มีความเข้าใจมากขึ้นและพร้อมที่จะพัฒนาระบบบริหารจัดการฟาร์มให้เหมาะสม ทำให้เกิดการพัฒนาปรับปรุงฟาร์มอย่างเต็มที่ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ ผู้ประกอบการคู่ค้าของเรามีประสิทธิภาพการผลิตดีขึ้นมาก และสามารถป้อนผลผลิตสู่โรงงานแปรรูปเป็ดของซีพีเอฟได้อย่างมีประสิทธิผล” นายดวงมนูกล่าว
ด้านนายอนุชา จิรายุสกมล ผู้บริหารบริษัท เอส.ที.ดี.เจริญฟาร์ม จำกัด กล่าวว่า ตนเป็นผู้บริหารในรุ่นที่ 2 ต่อเนื่องจากรุ่นพ่อที่ร่วมดำเนินธุรกิจกับซีพีมาตลอด ตั้งแต่ธุรกิจขายอาหารสัตว์ ธุรกิจเอเย่นต์ประกันราคาโครงการเป็ดกระทงซีพีเอฟ และล่าสุดคือ ธุรกิจเป็ดกระทงประกันราคา โครงการส่งเสริมเป็ดกระทงซีพีเอฟ
“การตัดสินใจลงทุนฟาร์มเลี้ยงเป็ดมูลค่า 85 ล้านบาทในครั้งนี้ เป็นเพราะมองเห็นโอกาสอันดีในธุรกิจ และเชื่อมั่นในเทคโนโลยีการเกษตรที่ซีพีเอฟถ่ายทอดให้อย่างไม่ปิดบัง ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงเป็ดด้วยคอมพิวเตอร์ การปฏิบัติตามหลัก Animal Welfare ระบบการป้องกันโรค รวมถึงการติดตามให้คำปรึกษา ตลอดจนการประกันราคาผลผลิต ทำให้การทำฟาร์มเลี้ยงเป็ดมีความเสี่ยงน้อยลง ธุรกิจนี้ทำให้ผมภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของวงการปศุสัตว์ของประเทศไทย เป็นจุดเริ่มต้นของผู้ผลิตอาหารปลอดภัยให้ผู้บริโภคทั้งชาวไทยและต่างชาติ และคาดหวังให้ธุรกิจเป็ดกระทงนี้ตกทอดเป็นมรดกให้ลูกหลาน” นายอนุชากล่าวทิ้งท้าย
ปัจจุบัน CPF มีผลผลิตเป็ดทั้งหมดจำนวน 4 แสนตัวต่อสัปดาห์ เป็นผลผลิตที่เกิดจากฟาร์มเป็ดของบริษัทเองจำนวน 10 ฟาร์ม ฟาร์มของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ 10 ฟาร์ม และอีกส่วนหนึ่งเป็นเป็ดจากฟาร์มของเกษตรกรรายย่อยที่เลี้ยงในโรงเรือนระบบปิด
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
สำนักสื่อสารและประชาสัมพันธ์
โทร. 02-625-7344-5, 02-638-2713, 02-631-0641