ไทยพาณิชย์ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจครึ่งหลังปีฉลู แนะภาคธุรกิจไทย “ฝ่าวิกฤติ ปรับตัว สู้เศรษฐกิจโลก”

พฤหัส ๑๘ มิถุนายน ๒๐๐๙ ๑๓:๔๙
ธนาคารไทยพาณิชย์เปิดเวทีสัมมนาใบโพธิ์ Business Forum หัวข้อ “ฝ่าวิกฤติ ปรับตัว สู้เศรษฐกิจโลก” อัพเดทภาวะเศรษฐกิจและการเงินช่วงครึ่งหลังปี 52 ให้กับลูกค้า ผู้ประกอบการเพื่อเตรียมแผนธุรกิจให้พร้อมแข่งขันได้เมื่อภาวะวิกฤติคลี่คลาย โดยระบุไทยยังไม่ได้รับผลกระทบรุนแรงเท่าต่างประเทศ ภาคการผลิตอุตสาหกรรมและการส่งออกน่าจะใกล้จุดต่ำสุดแล้ว แต่ภาคการท่องเที่ยวยังน่าห่วง ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนยังอิงกับความเคลื่อนไหวเงินสกุลหลักของโลก ด้านอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังไม่ส่งสัญญาณการปรับตัว

ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินว่า “ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นผลมาจากภาวะถดถอยของภาคการส่งออกและการหดตัวของภาคการผลิตอุตสาหกรรม แต่ผลกระทบโดยรวมไม่รุนแรงเท่ากับประเทศอื่น ๆ อย่างเช่น ด้านการจ้างงาน ภาคธุรกิจยังอยู่ในระดับดีกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะภาคการผลิตเพื่อการส่งออกที่ได้รับผลกระทบหลักๆ เช่น ยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ มีสัดส่วนการจ้างงานค่อนข้างต่ำอยู่แล้ว นอกจากนี้ความมั่งคั่งภาคครัวเรือนไม่ถูกกระทบมากนัก พิจารณาได้จากราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ยังทรงตัวอยู่ได้

แม้ล่าสุดจะเริ่มมีสัญญาณว่าการผลิตอุตสาหกรรมและการส่งออกน่าจะใกล้จุดต่ำสุดแล้ว แต่ความเสี่ยงจากการหดตัวของภาคการท่องเที่ยวยังมีอยู่ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศตลอดปี 2552 อาจลดลงถึง 15% เทียบกับปีที่ผ่านมา ในขณะที่รายได้จากนักท่องเที่ยวอาจลดลงถึง 20% ซึ่งนับว่าหดตัวรุนแรงกว่าช่วงที่เกิดโรค SARS ในปี 2546 ทั้งนี้ภาคการท่องเที่ยวมีสัดส่วนจ้างงานในตลาดแรงงานค่อนข้างมาก และการจ้างงานกว่า 80% อยู่ในบริษัทขนาดเล็ก (SME) ซึ่งมีความสามารถรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจได้น้อยกว่าบริษัทขนาดใหญ่

สำหรับ GDP ที่หดตัวถึง 7% ในไตรมาสแรกใกล้เคียงกับที่ทางศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจคาดการณ์ไว้ โดยส่วนใหญ่มาจากการหดตัวของการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยเฉพาะที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออก โดยมองว่าตัวเลข GDP น่าจะฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ได้ จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจโดยภาครัฐของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทั้งนี้คาดการณ์ว่าตัวเลข GDP ทั้งปี 2552 จะติดลบประมาณ 5% เทียบกับปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวจะไม่เร็วมากนัก เพราะวิกฤติเศรษฐกิจครั้งนี้ มีพื้นฐานมาจากภาคการเงินธนาคาร อีกทั้งยังเป็นวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นพร้อมกันทั่วโลก

ดร.เศรษฐพุฒิ กล่าวเสริมว่า “สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องจับตามองคือเรื่องความเสี่ยงจากไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 ที่จะกระทบโดยตรงต่อธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ซึ่งจะส่งผลถึงการจ้างงานและการบริโภคภายในประเทศ นอกจากนี้ ภาคการส่งออกยังควรจับตาดูการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะดัชนีการผลิตอุตสาหกรรมในกลุ่มประเทศองค์กรเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organization for economic co-operation and development :OECD) ซึ่งเป็นดัชนีบ่งชี้ถึงการเติบโตของการส่งออกไทยด้วย”

ส่วนด้านแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยน นายชาตรี โสตางกูร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายบริหารการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า “แนวโน้มอัตราแลกเปลี่ยนในอนาคตขึ้นอยู่กับทิศทางการเคลื่อนไหวของเงินสกุลหลักของโลก โดยคาดว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีโอกาสอ่อนค่าลงได้ ซึ่งเป็นผลมาจากการขาดสภาพคล่องของดอลลาร์ในช่วงวิกฤติที่ผ่านมาเริ่มคลี่คลายลงจากแรงอัดฉีดสภาพคล่องของธนาคารกลาง และรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ทำให้ปริมาณเงินในตลาดเพิ่มขึ้นสูงมาก ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ประกอบกับนักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มมั่นใจและกล้าลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการถือครองเงินดอลลาร์เสมือนสินทรัพย์ที่ไม่มีความเสี่ยงลดสัดส่วนลง ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินบาทของไทยมีทิศทางแข็งค่าขึ้นได้ในอนาคต นอกจากนี้ ปัจจัยพื้นฐานของประเทศไทยยังแสดงให้เห็นถึงการไหลเข้ามาของเงินตราต่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งในส่วนของการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด การไหลเข้าของเงินลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงการไหลเข้าของเงินลงทุนโดยตรงจากนักลงทุนต่างชาติ เป็นต้น

ในส่วนของระดับอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันใกล้ถึงจุดต่ำสุดมากแล้ว โดยคาดว่า มีโอกาสอีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่ ธปท. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงไปมากกว่าในระดับปัจจุบัน และหากพิจารณาแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อและอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ ธปท. ก็ยังไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ยในช่วงต่อไปจะเป็นการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยระยะยาว เห็นได้จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล อันเป็นผลมาจากการคาดการณ์ปริมาณพันธบัตรที่จะเพิ่มสูงขึ้นตามการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาล”

การจัดสัมมนาในครั้งนี้ นับเป็นการให้ข้อมูลด้านเศรษฐกิจการเงิน จากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCB Economic Intelligence Center : SCB EIC) ซึ่งจะช่วยประกอบการตัดสินใจต่อการวางแผนธุรกิจในอนาคต เพื่อให้ ก้าวสู่สนามแข่งขันและสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง สอดคล้องกับนโยบายของธนาคารไทยพาณิชย์ที่มุ่งพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทย ผ่านรูปแบบกิจกรรมที่หลากหลายภายใต้โครงการ “ใบโพธิ์ Business Forum” มาอย่าง ต่อเนื่อง รวมถึงการจัดงานสัมมนาในครั้งนี้ด้วย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

สื่อสารองค์กร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

วัฒนี สมจิตต์ , เขมลักษณ์ อินลออ

โทร : 02-544-4502, 02-544-4517

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ