นายปริน ชนันทรานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอปโซลูท อิมแพค จำกัด (มหาชน) (AIM) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 4/2552 เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2552 มีมติอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้จากหุ้นละ 1.00 บาท เป็นมูลค่าหุ้นละ 0.10 บาท ส่งผลให้หุ้นสามัญของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นจาก 280,000,000 หุ้น จาก ทุนจดทะเบียน 280,000,000 บาท เป็น 2,800,000,000 หุ้น
พร้อมกันนี้ที่ประชุมยังมีมติให้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ (“ใบสำคัญแสดงสิทธิครั้งที่ 1”) จำนวน 1,400,000,000 หน่วย เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทในอัตราส่วน 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ (กรณีที่มีเศษให้ปัดทิ้ง) โดยมีราคาเสนอขายหน่วยละเท่ากับ 0.01 บาท และกำหนดราคาการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิเท่ากับ 0.20 บาทต่อหุ้น และมีมติอนุมัติให้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ (“ใบสำคัญแสดงสิทธิ-ESOP”) จำนวน 120,000,000 หน่วย เพื่อเสนอขายให้แก่ กรรมการ และ/หรือ พนักงานของบริษัทฯ โดยไม่คิดมูลค่า และกำหนดราคาการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิเท่ากับ 0.15 บาทต่อหุ้น และเพื่อรองรับแผนการออกวอร์แรนต์ดังกล่าว ที่ประชุมคณะกรรมการได้มีมติอนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จากเดิม 280,000,000 บาท เป็น 432,000,000 บาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 1,520,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีจำนวนหุ้นสามัญรวมทั้งสิ้น 4,320,000,000 หุ้น
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีมติให้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 1,400,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิแปลงสภาพตามใบสำคัญแสดงสิทธิครั้งที่ 1 ที่จะเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ตามสัดส่วนการถือหุ้น และมีมติอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 120,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิแปลงสภาพตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะเสนอขายให้แก่ กรรมการ และ/หรือ พนักงานของบริษัทฯ
นายปริน กล่าวอีกว่า ในการระดมทุนครั้งแรกเมื่อต้นปีที่ผ่านมาด้วยการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) นั้น AIM ทำได้ไม่เต็มที่นัก เนื่องจากสภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวย ทำให้บริษัทฯ ได้รับเงินจากการระดมทุนไม่มาก และในปัจจุบันสภาพตลาดเริ่มเอื้ออำนวย ผนวกกับบริษัทฯ มีแผนที่จะขยายธุรกิจอีกมากเพื่อสร้างรายได้และกำไรให้บริษัทฯ ขยายตัวไปข้างหน้าได้อย่างแข็งแกร่ง จึงตัดสินใจระดมทุนโดยการออกวอร์แรนต์ ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีเงินทุนในอนาคตขณะที่ผู้ถือหุ้นไม่ได้รับผลกระทบจากการไดลูทของราคาหุ้นในทันที
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ในฐานะผู้บริหารจะมุ่งมั่นผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ โดย ในปีนี้ยังคงคาดว่ารายได้จะขยายตัว 30-40% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 220.33 ล้านบาท เพราะในช่วงครึ่งปีหลังเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจและมีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีวันหยุดไม่มากนัก เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงครึ่งปีแรก ทำให้มั่นใจว่าจะผลักดันให้ผลประกอบการทั้งปีเติบโตตามเป้าหมายได้ ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจะยังชะลอตัวและปัจจัยทางการเมืองที่ยังคงผันผวนก็ตาม เนื่องจากธุรกิจของบริษัทฯ เน้นจับกลุ่มลูกค้าประเภท Consumer Product ที่ยังคงมีกำลังซื้อและจำเป็นต้องใช้สื่อประเภทดิจิตอลในการโฆษณาและเข้าถึงกลุ่มลูกค้า ประกอบกับสื่อของบริษัทฯ ยังมีราคาค่อนข้างถูกเมื่อเปรียบเทียบกับราคาสื่อโฆษณาต่างๆ ทั่วไป อีกทั้งสามารถเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรงและมีผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าและยอดขายของผู้ประกอบการด้วย จึงทำให้ได้รับความนิยมสวนทางกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และมั่นใจว่าในอีก 3 ปีข้างหน้า บริษัทฯ ยังผลักดันรายได้ให้ขยายตัวปีละ 30-40% ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้