กองทุนดังกล่าวจัดตั้งขึ้นด้วยการระดมทุนจากสมาชิกของทั้ง 2 สมาคม คาดว่าเบื้องต้นจะสามารถรวบรวมได้ราว 20 ล้านบาท และวางมาตรการใช้เงินกองทุนนี้ใน 2 กิจกรรมเท่านั้น คือ 1. ใช้ซื้อไข่ไก่ที่เหลือในแต่ละวันจากฟาร์มต่างๆ ลดการขายทิ้งในราคาต่ำ โดยจะนำไข่ไก่ดังกล่าวออกไปนอกระบบตลาดปกติ ด้วยวิธีส่งออกไปต่างประเทศหรือส่งเข้าโรงงานแปรรูป และ 2. ใช้ในการปลดแม่ไก่ยืนกรง
“ผู้เลี้ยงไก่ไข่ได้พยายามแก้ปัญหาในทุกวิถีทาง ทั้งการส่งออกไข่ไก่ส่วนเกิน การลดปริมาณไก่เข้าเลี้ยง และการเร่งปลดแม่ไก่ยืนกรงให้เร็วขึ้น เพื่อลดปริมาณไข่ไก่ให้สอดคล้องกับความต้องการบริโภคที่ลดลง แต่เหตุการณ์ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ทำให้ปริมาณนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยลดลง การบริโภคไข่ไก่ลดลงกว่าที่ประเมินไว้มาก ทำให้เสถียรภาพด้านราคาไข่ไก่ในบางพื้นที่เริ่มมีปัญหา จึงต้องดำเนินการจัดตั้งกองทุนนี้เพื่อช่วยแก้ปัญหาอีกทางหนึ่ง” นายมงคลกล่าว
ด้าน นายมาโนช ชูทับทิม นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ กล่าวว่า ผู้เลี้ยงไก่ไข่ต้องทนแบกภาระขาดทุนมาเป็นระยะเวลากว่า 3 ปี ขณะที่ภาครัฐกลับไม่มีแนวทางหรือมาตรการแก้ปัญหาราคาไข่ไก่อย่างจริงจัง ทำให้ผู้เลี้ยงไก่ไข่ต้องหาหนทางช่วยเหลือตนเองมาโดยตลอด
“ครั้งนี้สมาชิกต้องสละเงินส่วนตัวมารวมกันเพื่อความอยู่รอดในอาชีพ จึงอยากวอนขอให้ภาครัฐหันมาสนใจและเร่งหามาตรการช่วยเหลืออย่างจริงจังเสียที ก่อนที่ผู้เลี้ยงไก่ไข่จะล้มหายตายจากไปมากกว่านี้” นายมาโนชกล่าว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
นายมงคล พิพัฒสัตยานุวงศ์ โทร. 081-862-5248
นายมาโนช ชูทับทิม โทร.081-862-0627