นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันที่ 9 กรกฎาคมนี้ จะร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ หรือเอ็มโอยู ในโครงการต้นกล้าอาชีพกับกระทรวงแรงงาน และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ตามมาตรการชะลอการเลิกจ้าง โดยมีผู้ประกอบการกว่า 200 แห่ง ที่เข้าร่วมโครงการ คาดว่าจะช่วยชะลอไม่ให้มีการเลิกจ้างแรงงานกว่า 10,000 คน โดยรัฐบาลเตรียมจัดสรรเงินงบประมาณเพื่อสนับสนุนไม่ให้เอกชนเลิกจ้างแรงงานอย่างน้อยเป็นเวลา 1 ปี ประมาณ 500 ล้านบาท ก่อนหน้านี้ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงไปแล้ว 1 ครั้ง โดยจัดสรรเงินงบประมาณให้ 81 ล้านบาท
ทั้งนี้ เชื่อว่าภายในเดือนกรกฎาคมนี้ จะมีผู้เข้าฝึกอบรมอาชีพตามโครงการอาชีพอีกกว่า 50,000-80,000 คน ทั้งแรงงานที่ว่างงานจำนวน 27,855 คน ผู้ว่างงานที่เข้าร่วมในโครงการทำดีมีอาชีพ 6,250 คน ผู้ว่างงานที่เข้าร่วมกับโครงการของกระทรวงสาธารณสุข 4,954 คน ผู้ว่างงานที่เข้าร่วมโครงการของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง 8,000 คน ผู้ว่างงานที่เข้าร่วมโครงการของชุมชนพอเพียง 25,250 คน และมีการชะลอเลิกจ้างที่ร่วมกับผู้ประกอบการอีก 10,239 คน
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ผลการดำเนินงานโครงการต้นกล้าอาชีพ ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน คณะกรรมการบริหารโครงการฯ ได้จัดสรรเงินงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการแล้วทั้งสิ้น 1,831.31 ล้านบาท หรือคิดเป็น 26.54% ของงบประมาณที่ได้รับทั้งหมด 6,900 ล้านบาท แยกเป็นจัดสรรให้กับสถาบันจัดฝึกอบรม เพื่อฝึกอบรมให้กับประชาชนทั่วไป 1,034.72 ล้านบาท จัดสรรให้กับส่วนราชการที่เข้าร่วมโครงการ 629.59 ล้านบาท และจัดสรรตามโครงการชะลอการเลิกจ้างที่ร่วมดำเนินการกับภาคเอกชน 167 ล้านบาท
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริหารโครงการ ฯ ยังเห็นชอบจัดสรรเงินอีก 288 ล้านบาท ให้กับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) เพื่อดำเนินโครงการทำดีมีอาชีพ โดยฝึกอบรมเยาชนที่เข้าร่วมโครงการทำดีมีอาชีพและผ่านการอบรมแล้ว เข้ารับฝึกทักษะวิชาชีพภายใต้โครงการต้นกล้าอาชีพ มีเป้าหมายฝึกอบรมจำนวน 25,000 คน.
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0.2629.8404 สำนักงานโครงการต้นกล้าอาชีพ