นายมนัส กล่าวว่า ประชากรในพื้นที่เขตคลองสามวามีประมาณ 5 แสนคน ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนาเป็นหลัก เนื่องจากสภาพพื้นที่โดยรวมเป็นชนบทและเป็นท้องทุ่งนา และในพื้นที่เขตคลองสามวามีชุมชนทั้งหมด 71 ชุมชน โดยเขตมีการดำเนินการด้านการพัฒนาสังคมและชุมชนต่างๆ หลายอย่าง ทั้งการจัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนในพื้นที่เขตคลองสามวา ซึ่งมีทั้งหมด 5 แห่ง เกือบทุกแห่งจะมีปัญหาเหมือนกันคือ อาสาสมัครผู้ดูแลเด็กลาออกบ่อย เนื่องจากได้รับค่าตอบแทนน้อย และสวัสดิการน้อย จึงอยากให้มีการเพิ่มค่าตอบแทนและสวัสดิการอื่นๆ ให้กับผู้ดูแลเด็กหรือมีการบรรจุเข้ารับราชการ เพื่อเป็นการเพิ่มความมั่นคงในหน้าที่การงานและเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงานของอาสาสมัคร พร้อมทั้งทำให้ปัญหาการลาออกลดลงอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการดำเนินงานด้านเบี้ยผู้สูงอายุ ซึ่งการเบิกจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุนั้นจะมาเบิกจ่ายที่สำนักงานเขตด้วยตนเอง แต่จะมีผู้สูงประมาณ 400 ราย ที่ป่วยหรือชรา จึงไม่สามารถไปรับที่สำนักงานเขตได้ ทางเขตจึงให้บริการลงพื้นที่ไปให้บริการในชุมชน เพื่อให้ผู้สูงอายุรับเบี้ยในชุมชนได้เลย แต่ปัญหาในเรื่องนี้ก็คือ บุคลากรในการดำเนินงานด้านเบี้ยผู้สูงอายุไม่เพียงพอ จึงอยากให้มีการเพิ่มอัตราและแก้ไขในส่วนนี้
ประธานคณะกรรมการฯ กล่าวว่า ไม่อยากให้เขตลงพื้นที่ไปจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุถึงชุมชน เพราะจะทำให้เกิดข้อครหา และอาจมีประชาชนที่ไม่หวังดีไปตั้งข้อสังเกต ว่าเขตมีการจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุไม่ครบจำนวน หรือมีการยักยอกเงินในส่วนนี้ ทำให้เจ้าหน้าที่ของเขต เกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียงได้ และยังเป็นการสิ้นเปลืองบุคลากรจำนวนมาก ในการลงพื้นที่ไปจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุในชุมชน จึงอยากให้เขตทำการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ เพื่อให้เกิดประโยชน์ ความเข้าใจและความพอใจอันดีระหว่างสำนักงานเขตกับชุมชนต่อไปอีกด้วย