สรุปผล การสอบสวนข้อเท็จจริงการทุจริตธนาคารอาคารสงเคราะห์

ศุกร์ ๒๔ กรกฎาคม ๒๐๐๙ ๑๐:๑๘
นายนริศ ชัยสูตร ประธานกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้แถลงถึงความก้าวหน้าของการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีพนักงานของธนาคารอาคารสงเคราะห์ ทุจริตเงิน มูลค่า 499 ล้านบาท ว่า ตามที่ทางคณะกรรมการธนาคารได้มอบหมายให้นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย ประธานกรรมการตรวจสอบของธนาคารฯ เป็นประธานกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีทุจริตในธนาคารสงเคราะห์เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2552 โดยมีกรรมการประกอบด้วย ตัวแทนจากธนาคารแห่งประเทศไทย นายชัยวัฒน์ อัศวินทรางกูร และ นายธาดา ไชยคุปต์ เป็นกรรมการและเลขาฯ นั้น

บัดนี้คณะกรรมการดังกล่าวได้สรุปผลการสอบสวนข้อเท็จจริง และความเห็น เสนอต่อคณะกรรมการธนาคารในการประชุม เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 กค.52 จากการสอบข้อเท็จจริง สรุปได้ว่า การทำทุจริตดังกล่าวแบ่งเป็น 2 วิธี คือการปลอมสลิปเพื่อถอนเงินจากบัญชีเงินฝากของลูกค้า จำนวน 36.5 ลบ. และการสร้างรายการจากดอกเบี้ยจ่ายของธนาคาร จำนวน 499.27 ลบ. แยกเป็น ดอกเบี้ยจ่าย สำนักพระราม 9 จำนวน 454.03 ลบ. และดอกเบี้ยจ่าย สาขาเซ็นต์หลุยส์ 3 จำนวน 45.24 ลบ.

จากการสอบสวนข้อเท็จจริงทั้งจากพยานบุคคลและเอกสาร สามารถสรุปได้ว่า สาเหตุที่ทำให้นายสมเกียรติ ปัญญาวรคุณเดช สามารถทุจริตได้สำเร็จ มีมูลค่าสูงและต่อเนื่องเวลานาน มาจากสาเหตุ 3 ประการ คือ 1) การผ่อนปรนเงื่อนไขของขั้นตอนการทำงานในระบบ CBS ใหม่ 2) การละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ในการควบคุมกำกับดูแลงานปกติของธนาคาร (Normal operation) ของผู้ที่รับผิดชอบ และ 3) ความไม่พร้อมของพนักงานและระบบต่างๆที่ใช้ในการตรวจสอบ เมื่อเริ่มใช้ระบบ CBS ใหม่

คณะกรรมการธนาคารได้รับทราบผลการสอบที่คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเสนอ และพิจารณาแล้วมีมติต่อไปนี้ 1) ผู้กระทำการทุจริต คือ นายสมเกียรติ เป็นผู้กระทำการทุจริตโดยไม่มีผู้ร่วมกระทำผิด ซึ่งธนาคารได้ดำเนินคดีอาญา โดยการแจ้งความร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีกับนายสมเกียรติ รวมทั้งได้ส่งเรื่องให้กับ ปปช. แล้ว ซึ่งคณะกรรมการธนาคารมีมติรับทราบ 2) กลุ่มผู้ไม่ปฏิบัติหน้าที่จนเป็นสาเหตุให้เกิดการทุจริต ประกอบด้วยผู้บริหารและพนักงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบและมีระเบียบปฏิบัติกำหนดไว้แต่ละเลยไม่ได้ปฏิบัติ รวมถึงกลุ่มพนักงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการปรับเปลี่ยนระบบใหม่ ซึ่งก่อให้เกิดสาเหตุข้างต้น โดยคณะกรรมการสอบฯ ได้ตระหนักถึงผลกระทบต่อการบริหารงานและการดำเนินงายของธนาคาร จึงกำหนดผู้ที่รับผิดชอบหลักตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏเป็นสำคัญ โดยสรุป มีผู้บริหารและพนักงานที่อยู่ในข่าย 10 คน ซึ่งคณะกรรมการธนาคารพิจารณาแล้วมีเหตุผลเพียงพอให้ธนาคารรับไปดำเนินการทางวินัยต่อไป 3) ในส่วนผู้บริหารระดับสูงที่อาจเกี่ยวข้อง คณะกรรมการธนาคารมีมติมอบหมายให้ประธานกรรมการบริหารเสนอประธานกรรมการธนาคารแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบประสิทธิภาพผู้บริหารตามรายงานของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงโดยมีประธานกรรมการบริหาร คุณชัยเกษม นิติศิริ เป็นประธานคณะทำงาน เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพผู้บริหารระดับสูงต่อไป

นายนริศ ชัยสูตร ประธานกรรมการธนาคารเพิ่มเติมว่าจะนำเสนอรายงานข้อสรุปของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเพื่อทราบต่อไป

นอกจากนี้ นายนริศ ชัยสูตร ได้เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับรายงานจากฝ่ายบริหารว่า จากยอดเงินกระทำทุจริต 499 ล้านบาท ทางธนาคารและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามเงินสดและสินทรัพย์ต่างๆ ที่นายสมเกียรติ ปัญญาวรคุณเดช ถือครอบครอง หรือ ได้มาจากากกระทำทุจริต จำนวน 253.9 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินสด 201 ล้านบาท บ้านพร้อม ที่ดิน 28.9 ล้านบาท ห้องชุด 2.2 ล้านบาท รถยนต์ 4 คัน 11.8 ล้านบาทและทรัพย์สินอื่นๆ 10 ล้านบาท ซึ่งรวมสุทธิแล้ว ขณะนี้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้รับความเสียหายประมาณ 250 ล้านบาท

อนึ่ง นายนริศ ได้ย้ำกับผู้สื่อข่าว ธนาคารอาคารสงเคราะห์ขอให้ความมั่นใจแก่ลูกค้าของธนาคารว่า เหตุการณ์นี้ไม่มีมีผลเสียหายกับลูกค้าเงินฝากและลูกค้าเงินกู้ของธนาคารแต่อย่างใด แต่เป็นการลักทรัพย์ของธนาคารอาคารสงเคราะห์โดยตรง นอกจากนี้ เวลานี้ฐานะการเงินของธนาคารอาคารสงเคราะห์มีความมั่นคง โดยมีทุน 17,000 ล้านบาท บวกกับกำไรสะสมกว่า 15,000 ล้านบาท ทำให้มีทุนดำเนินการมากกว่า 30,000 ล้านบาท โดยภายใต้ทุนดำเนินงานนี้ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อและมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 630,000 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 21.1 เท่าของเงินทุนซึ่งสูงมาก อีกประการธนาคารสามารถดำรงสภาพคล่องไว้ในระดับที่เหมาะสม เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย ทำให้มีกำไรต่อเนื่องในระดับ 3,000 ล้านบาทตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา โดยในปี 2551 ธนาคารมีกำไรสุทธิสูงถึง 3,305 ล้านบาท (เป้าที่กำหนด 1,750 ล้านบาท) และในปี 2552 ธนาคารกำหนดเป้าหมายกำไรสุทธิไว้ที่ 3,500 ล้านบาท แต่ในหกเดือนแรก (มกราคม-มิถุนายน 2552) ธนาคารมีกำไรสุทธิ 2,089 ล้านบาท จึงคาดว่าทั้งปีจะมีกำไรสุทธิสูงกว่าประมาณการ เช่นเดียวกับสินเชื่อที่ครึ่งปีแรกของปี 2552 ธนาคารปล่อยสินเชื่อไป 46,000 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายทั้งปีอยู่ที่ 73,500 บาท จึงคาดว่าทั้งปีจะทำได้สูงกว่าเป้าหมาย ส่วนอัตราส่วนสินทรัพย์ต่อสภาพคล่องหรือ BIS ratio ขณะนี้อยู่ที่ 10.8 ซึ่งสูงกว่าอัตรา 8.5 ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดในขณะเดียวในแง่ของการดูแลระบบ CBS ทางธนาคารได้ออกมาตรการหลากหลายเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับระบบ CBS เช่น กำหนดระบบรักษาความปลอดภัยของระบบ (Security Setups ในระบบ CBS) ปรับปรุงกระบวนการทำงาน รวมถึงขั้นตอนระเบียบปฏิบัติงานต่างๆให้รัดกุมยิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้ทำให้มีความมั่นใจมากขึ้นไปอีกว่าธนาคารยังสามารถดำเนินการได้ตามปกติ

ส่วนประชาสัมพันธ์

ฝ่ายสื่อสารองค์กร

ธนาคารอาคารสงเคราะห์

โทร. 0-2202-1980-6

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO