นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดสัมมนา เรื่อง “บทบาทบีโอไอในการส่งเสริม SMEsไทย” ว่า การสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) เป็นนโยบายที่รัฐบาลให้ความสำคัญและมีเป้าหมายในการส่งเสริมให้เอสเอ็มอีของไทยมีการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันมากยิ่งขึ้น
โดยในส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรม ได้กำหนดแนวทางการให้ความช่วยเหลือเอสเอ็มอี ด้วยการปรับเปลี่ยนบทบาทของบีโอไอ ให้ความสำคัญกับเอสเอ็มอีมากขึ้น โดยได้ให้บริการการพัฒนาการเชื่อมโยงอุตสาหกรรม การพัฒนาผู้ประกอบการ บริการประสานงานกับหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจของเอสเอ็มอี และได้เพิ่มบริการใหม่ในการสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม
“กิจการเอสเอ็มอีมีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะเอสเอ็มอี ที่คิดค้นและมีนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ ดังนั้น ความร่วมมือกันในครั้งนี้จะเป็นการสนับสนุนนโยบายการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยไปสู่เศรษฐกิจบนพื้นฐานความรู้และความคิดสร้างสรรค์ เสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันให้กับภาคอุตสาหกรรม สนับสนุนการวิจัย และพัฒนาเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับภาคการผลิต ที่จะเป็นการวางรากฐานอนาคตที่เข้มแข็งให้กับภาคอุตสาหกรรมของไทยในระยะยาว” นายชาญชัย กล่าว
ด้านนางอรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ กล่าวว่า บริการรูปแบบใหม่ของบีโอไอจะมุ่งเน้นเพื่อพัฒนาความสามารถในการแข่งขันและการลงทุนแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเพิ่มขึ้น ทั้งในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการสนับสนุนทางการเงิน
โดยในส่วนของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ บีโอไอได้ร่วมมือกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี จัดตั้ง “โครงการศูนย์บ่มเพาะการพัฒนาผลิตภัณฑ์ กระบวนการผลิต การวิจัย และพัฒนา” ขึ้นที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และจัดตั้งเครือข่ายของศูนย์บ่มเพาะอีกไม่น้อยกว่า 6 แห่ง ภายในสถาบันอิสระ สถาบันวิจัย และสถาบันการศึกษา
ทั้งนี้ ศูนย์บ่มเพาะการพัฒนาผลิตภัณฑ์ กระบวนการผลิต การวิจัย และพัฒนา จะให้การสนับสนุนการพัฒนาของเอสเอ็มอีโดยเน้น 6 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ อาหารและเกษตรแปรรูป ยางและผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ และชิ้นส่วน สิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูป และบรรจุภัณฑ์ รวมถึงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องในแต่ละกลุ่ม เพื่อให้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ พัฒนากระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หรือพัฒนาต่อยอดการวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิต
โดยคาดว่าผลสำเร็จของโครงการจะก่อให้เกิดการลงทุนในด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ และกระบวนการผลิต การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีมากขึ้น
สำหรับ การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ หรือ MOU ร่วมกับสถาบันการเงิน 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารนครหลวงไทย และธนาคารกสิกรไทย จะเป็นการขยายความร่วมมือระหว่างบีโอไอ และสถาบันการเงิน เพื่อให้กิจการเอสเอ็มอี ซึ่งเป็นลูกค้าของธนาคารได้ทราบถึงสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับจากการขอรับส่งเสริมการลงทุน ในขณะเดียวกันผู้ประกอบการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ จะได้รับการพิจารณาสนับสนุนด้านการปล่อยสินเชื่อ เพื่อลงทุนในการขยายธุรกิจต่อไป