นางนงนุช เทียนไพฑูรย์ รองกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงาน สายงานเครือข่าย บมจ.ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า จากวิสัยทัศน์ของธนาคารที่มุ่งสู่การเป็น The Convenience Bank หรือธนาคารแสนสะดวก ดังนั้นจึงได้เร่งขยายสาขา โดยเฉพาะในแหล่งชุมชนและห้างสรรพสินค้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าในการใช้บริการและเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น ซึ่งในปีนี้ตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มอีก 70 สาขา เพื่อให้ครบ 900 สาขา โดยในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาได้เปิดไปแล้ว 22 สาขา และเป็นธนาคารแห่งแรกที่มีสาขาให้บริการ 7 วันครบทุกจังหวัดทั่วประเทศ
“ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ธนาคารได้อนุมัติสินเชื่อแก่ลูกค้ารายย่อยผ่านสาขาทั่วประเทศไปแล้วกว่า 60,000 ราย เป็นเม็ดเงินกว่า 40,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับลูกค้า ในส่วนของลูกค้าที่ประสบปัญหา ธนาคารได้ให้เจ้าหน้าที่สาขาดูแลอย่างใกล้ชิด รวมทั้งผ่อนปรนการชำระหนี้ เช่น ยืดระยะเวลาชำระหนี้ ลดอัตราการผ่อนชำระเงินต้นตามกำลังความสามารถของลูกค้า เพื่อช่วยประคับประคองลูกค้าที่ประสบปัญหา ให้สามารถฟันฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจในครั้งนี้”
นางนงนุช เทียนไพฑูรย์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับลูกค้าในภาคใต้ โดยเฉพาะในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาสนั้น ธนาคารมีความห่วงใยและให้ความสำคัญ โดยได้อนุมัติสินเชื่อให้แก่ลูกค้ารายย่อยในภาคธุรกิจการเกษตร การค้า การท่องเที่ยว และยางพารา ตลอดจนข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และพนักงานรัฐวิสาหกิจไปแล้ว 1,577 ราย เป็นเงินกว่า 1,000 ล้านบาท ผ่าน 22 สาขาของธนาคาร
ปัจจุบันสาขาในภาคใต้ตอนล่างของธนาคาร มีส่วนแบ่งการตลาดด้านสินเชื่อประมาณ 32,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 23% ของระบบ และด้านเงินฝากมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 59,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 30% ของระบบ ธนาคารมีเครื่อง ATM ให้บริการลูกค้าใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้จำนวน 200 เครื่อง และธนาคารยังคงเดินหน้าในการให้บริการ โดยผู้บริหารได้ลงพื้นที่เพื่อรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนักธุรกิจและผู้ประกอบการ รวมทั้งหาแนวทางให้ความช่วยเหลือธุรกิจของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
ฝ่ายสื่อสารการตลาดและประชาสัมพันธ์
โทร. 0-2208-4174-7