นางสุนิดา สกุลรัตนะ กรรมการการท่าเรือฯ รักษาการแทนผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากการที่รัฐบาล และกระทรวงคมนาคมได้มีนโยบายให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งทางน้ำ เพื่อให้เพียงพอสำหรับรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอนาคต ซึ่ง กทท. ดำเนินการพัฒนาการบริหารจัดการท่าเรือมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารดูแลของ กทท. นั้น ได้มีแผนในการพัฒนาให้ก้าวสู่ท่าเรือระดับโลกทั้งในด้านการเพิ่มขีดความสามารถและศักยภาพในการเสริมสร้างผลประโยชน์ให้กับองค์กรและประเทศชาติ ดังนั้นการที่มีเรือบรรทุกตู้สินค้าขนาดใหญ่ระดับถึง Mega Vessel ซึ่งมีขนาดบรรทุกตู้สินค้า 10,062 ทีอียู. เข้าเทียบท่า ทลฉ. แสดงให้เห็นถึงการขยายตัวของภาคการค้าระหว่างประเทศ อันเป็นปัจจัยที่ส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม รวมทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการเดินเรือต่างชาติในศักยภาพของการคมนาคมทางน้ำของไทยอีกด้วย นอกจากนี้จะมุ่งเน้นพัฒนาการบริการที่มีความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และนำระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการบริหารงานในโครงการและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ กทท. เช่น การพัฒนาระบบจัดเก็บค่ายานพาหนะผ่านท่า หรือ e-Toll และการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยด้วยระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) พร้อมอุปกรณ์ในโครงการพัฒนาสู่ท่าเรืออิเล็คทรอนิกส์ (e-Port) เพื่อเตรียมการรองรับการเทียบท่าของเรือบรรทุกตู้สินค้าที่มีแนวโน้มมากขึ้นในอนาคต
ทั้งนี้นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมในฐานะเป็นผู้กำกับดูแล กทท. ได้แสดงความยินดีที่ ทลฉ. ได้มีโอกาสต้อนรับเรือ ZIM DJIBOUTI ซึ่งเป็นเรือบรรทุกตู้สินค้าที่อยู่ในกลุ่มเรือแม่ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยที่ผ่านมารัฐบาลและกระทรวงคมนาคมได้ตระหนักและมุ่งมั่นในอันที่จะส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาท่าเรือของไทยให้เจริญก้าวหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ มีการบริหารจัดการและการบริการที่มีคุณภาพในระดับมาตรฐานสากล เพื่อให้เป็นรากฐานสำคัญที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้า อันจะเป็นประโยชน์แก่เศรษฐกิจและสังคมของไทยในภาพรวม รวมทั้งสนับสนุนให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางน้ำในภูมิภาคอาเซียนในที่สุด
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-714-7601 สุรีย์ภรณ์ คำมา