ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการคุ้มครองเด็กกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 1/2552 โดยมีนางเพียงใจ วิศรุตรัตน รองปลัดกรุงเทพมหานคร นายสิทธิรัตน์ ถ้ำสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสังคม พร้อมคณะกรรมการ และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องนพรัตน์ ศาลาว่าการกทม.
ที่ประชุมได้หารือรายละเอียดเพื่อนำเสนอแก่คณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติที่จะเดินทางมาเยี่ยมการดำเนินของคณะกรรมการคุ้มครองเด็กกรุงเทพมหานคร โดยได้เตรียมข้อมูลตามประเด็นต่างๆที่คณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติต้องการรับทราบ 10 ประเด็น คือ 1. สถานการณ์ด้านเด็กของกทม. การดำเนินงานเพื่อป้องกันและแก้ไข บทบาทของสภาเยาวชนกทม. 2. จำนวนครั้งการประชุมของคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการ นโยบายหรือแนวทางที่คณะกรรมการและคณะอนุกรรมการกำหนด 3. การจัดทำยุทธศาสตร์ แผนแม่บทคุ้มครองเด็ก ผลการดำเนินงานตามแผนการจัดทำแผนปฏิบัติการคุ้มครองเด็กปี 2551 4. สถิติข้อมูลด้านเด็กจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การวิเคราะห์สถานการณ์และการจัดทำฐานข้อมูลของกรุงเทพมหานคร 5. ผลการดำเนินงานออกตรวจตราสถานที่สำหรับเด็กและการเปิดพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับเด็ก 6. การจัดกิจกรรมโครงการด้านการคุ้มครองเด็กและเยาวชนที่ผ่านมา 7. และ 8. การขยายระบบคุ้มครองเด็กลงสู่ระดับเขตพื้นที่ การจัดตั้งทีมสหวิชาชีพ การปฏิบัติงานร่วมกันของทีมสหวิชาชีพ 9. การสร้างและการพัฒนาเครือข่ายด้านเด็กในกทม. และ 10. ผลงานเด่นของกทม. ที่สามารถนำเสนอเป็น Best Practice
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงทำให้การดำเนินงานด้านการคุ้มครองเด็กของกรุงเทพมหานครในปีที่ผ่านมาขาดการเดินหน้าอย่างจริงจังและต่อเนื่อง รวมทั้งขาดการติดตาม และประเมินผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการระดับเขตที่ได้มีการแต่งตั้งไปแล้ว ทั้งนี้ที่ประชุมเห็นชอบให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมีอำนาจในการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพิ่มเติมได้ และจะพิจารณาแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพิ่มเติมเพื่อติดตามประเมินปัญหา อุปสรรค และผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการแต่ละชุดเพื่อสร้างกลไกในการทำงานอย่างเป็นระบบและให้การทำงานปรากฏเป็นรูปธรรมมากที่สุด นอกจากนี้ยังได้มอบหมายสำนักพัฒนาสังคม รวบรวมข้อมูลตามประเด็นต่างๆ มาบูรณาการเพื่อให้เห็นภาพรวมการทำงานด้านการคุ้มครองเด็กของกรุงเทพมหานครให้เห็นชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติต่อไป พร้อมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขหรือออกข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครหรือระเบียบของกรุงเทพมหานครเพิ่มเติม เพื่อให้การทำงานเกิดความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังได้กำหนดให้มีการประชุมอย่างน้อยปีละ 3 ครั้ง หรือมากกว่า เพื่อให้สามารถติดตามผลการดำเนินงานได้อย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น