นายสิทธิรัตน์ ถ้ำสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสังคม กทม. กล่าวว่า กทม. กำหนดรับจดทะเบียนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุสำหรับปีงบประมาณ 2553 ระหว่างวันที่ 17-31 ส.ค. 52 ณ สำนักงานเขต 50 แห่ง
ตรวจสอบคุณสมบัติตนเองก่อนไปจดทะเบียน
สำหรับคุณสมบัติของผู้มีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ประกอบด้วย มีสัญชาติไทย มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ของกทม. ตามทะเบียนบ้าน มีอายุ 60ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ไม่เป็นผู้ได้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ ผู้รับเงินบำนาญ เบี้ยหวัด บำนาญพิเศษ หรือเงินอื่นใดในลักษณะเดียวกัน ผู้สูงอายุที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ที่ได้รับเงินเดือน ค่าตอบแทน รายได้ประจำ หรือผลประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นที่รัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดให้เป็นประจำ ยกเว้นผู้พิการและผู้ป่วยเอดส์ ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2548 และระเบียบกรุงเทพมหานครว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการจัดสวัสดิการและการสงเคราะห์ พ.ศ.2541
เตรียมเอกสารให้พร้อม
ผู้สูงอายุที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดสามารถขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้ด้วยตนเองหรือมอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษรให้ผู้อื่นเป็นผู้ยื่นคำขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแทนได้ โดยกรอกข้อมูลในคำขอและยื่นคำขอต่อสำนักงานเขตที่ตนเองมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ตั้งแต่วันที่ 17-31 ส.ค. 52 ในวันและเวลาราชการ เอกสารที่ต้องนำมาประกอบการยื่นคำขอ ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรอื่นที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐที่มีรูปถ่าย พร้อมสำเนา ทะเบียนบ้านพร้อมสำเนา สมุดบัญชีเงินฝาก พร้อมสำเนา (ในกรณีที่ผู้ขอรับเบี้ยต้องการรับเงินผ่านธนาคาร) สำหรับเอกสารประกอบหากมีการมอบอำนาจ คือ หนังสือมอบอำนาจพร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ
โดยหลังจากนี้ผู้สูงอายุสามารถตรวจสอบรายชื่อคุณสมบัติเพื่อยืนยันว่าเป็นผู้มีสิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 1-14 ก.ย. โดยจะประกาศรายชื่อ ผู้มีสิทธิภายในวันที่ 15 ก.ย. และเริ่มจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ตั้งแต่เดือน ต.ค. เป็นต้นไป