นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้แก้ไขประกาศกระทรวงฯฉบับเดิม เพื่อให้ผู้สูงอายุ ที่มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และมีสัญชาติไทยทุกคน มีสิทธิได้รับเงินค่าจัดการศพ รายละ 2,000 บาท เพื่อเป็นสวัสดิการแก่ผู้สูงอายุ ตามประกาศกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุนการสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี พ.ศ. 2552 โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2552 และมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2552 เป็นต้นไป
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ กล่าวต่อว่า จากการคาดประมาณประชากรของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในปี 2553 จะมีผู้สูงอายุทั้งหมดประมาณ 7,639,000 คน และจากอัตราการเสียชีวิตของผู้สูงอายุจากข้อมูลทะเบียนราษฎร์ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย โดยเฉลี่ยจะมีผู้สูงอายุเสียชีวิตปีละประมาณร้อยละ 3.4 คาดว่า ในปี 2553 จะมีผู้สูงอายุเสียชีวิต ประมาณ 259,726 คน ซึ่งกระทรวงได้รับการจัดสรรงบประมาณค่าจัดการศพในปี 2553 แล้ว จำนวน 22,063 คน เป็นเงิน 44,126,000 คน จึงยังมีผู้สูงอายุที่คาดว่าจะเสียชีวิตและมีคุณสมบัติต้องได้รับการช่วยเหลือ อีก 237,663 คน ดังนั้น เพื่อเป็นการรองรับการดำเนินงานตามประกาศดังกล่าว กระทรวงได้ขอแปรญัตติเพิ่มเติมงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 วงเงิน 475,326,000 บาท เพื่อเป็นค่าจัดการศพผู้สูงอายุ จำนวน 237,663 คน นอกจากนี้ ยังได้ขอสนับสนุนงบประมาณกลางปี 2552 วงเงิน 40,000,000 บาท เพื่อเป็นค่าจัดการศพผู้สูงอายุ จำนวน 20,000 คน ระหว่างเดือนสิงหาคม — กันยายนนี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงบประมาณ คาดว่าจะสามารถรองรับการดำเนินงานตามประกาศดังกล่าวได้
บุตร หรือญาติ ผู้สูงอายุที่เสียชีวิตที่มีภูมิลำเนาอยู่ในส่วนภูมิภาค ให้นำหลักฐาน ประกอบด้วย สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาใบมรณบัตร สำเนาทะเบียนบ้านของผู้สูงอายุและผู้ยื่นคำขอ ติดต่อได้ที่ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ทุกจังหวัด หรือที่ อบต. ที่ผู้สูงอายุมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ในเขตกรุงเทพฯ ติดต่อได้ที่ ศูนย์คุ้มครองสวัสดิภาพชุมชน ทั้ง 12 เขต ในวัน เวลาราชการ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ประชาบดี โทร. 1300