นักธุรกิจชาวเวียดนามมาดาม ซู ง๊อก (Madame Su Ngoc) กล่าวว่า ธุรกิจศัลยกรรมความงามในตลาดเวียดนาม มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยความต้องการที่เพิ่มขึ้นไปตามกระแสความนิยมมาจากรูปร่างหน้าตาตามแบบ ดารา นักร้อง เกาหลีที่หลั่งไหลเข้ามาในตอนนี้ ดังนั้นจึงมองว่าหากเปิดศูนย์พีเอไอในเวียดนาม น่าจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะชื่อเสียงแพทย์ที่โด่งดังในระดับนานาชาติ บวกกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยและให้บริการที่ครบวงจร สามารถตอบโจทย์ความต้องการด้านความงามของชาวเวียดนามที่เพิ่มขึ้นได้อย่างดียิ่ง นอกจากเพื่อเป็นช่องทางในการช่วยลดค่าใช้จ่ายในเรื่องการเดินทาง ที่พัก ในการเดินทางมารักษาที่เมืองไทยอีกด้วย
นายพีระ เตียวตรานนท์ รองกรรมการผู้จัดการศูนย์ ฯ กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันชาวเวียดนามนิยมการศัลยกรรมตกแต่งเพื่อความงามมากขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงวัย 25 ถึง 50 ปี และที่น่าสนใจคือความต้องการนี้กำลังจะขยายกลุ่มไปยังกลุ่มวัยรุ่น เป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นสูงปีละ 20 % ต่อปี โดยการทำศัลยกรรมที่คนเวียดนามนิยมมากที่สุดในตอนนี้คือ ศัลยกรรมเสริมหน้าอก รองลงมาคือ กำจัดไขมัน ทำตา เสริมจมูกและอื่น ๆ โดยส่วนใหญ่ได้เดินทางเข้ามาใช้บริการที่ศูนย์พีเอไอ เนื่องจากเชื่อมั่นในทีมแพทย์ที่เชี่ยวชาญของไทยเป็นอย่างมาก บวกกับมีเทคโนโลยี ราคาไม่เกินกำลังซื้อของชาวเวียดนาม ในส่วนศูนย์จะสนนราคาในการทำศัลยกรรมตกแต่งเพื่อความงามต่อครั้งเฉลี่ยอยู่ที่ 100,000 บาทต่อครั้งต่อคน ไม่มีการคิดเพิ่มทีหลังใด ๆทั้งสิ้น (Extra Charge) โดยจะดูแลตั้งแต่ต้นจนจบ ดังนั้นลูกค้าจะประทับใจ เพราะได้รู้งบประมาณที่ตนเองต้องใช้จริง ๆ ก่อนที่จะตัดสินใจมารับบริการที่ศูนย์ฯ นอกจากนี้การที่ศูนย์ฯ มี
การให้บริการในเรื่องของผิวหนังและเลเซอร์ ที่ครบวงจรโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ถือเป็นจุดเด่นที่แตกต่างเพราะถือเป็นศูนย์ความงามที่ครบวงจร
นายพีระ เผยถึงการก่อตั้งศูนย์ในเวียดนามว่า หลังจากที่ผู้บริหารและทีมแพทย์ของ PAI เดินทางไปสำรวจที่ตั้งพร้อมทั้งหารือในเรื่องการลงทุนร่วมกันในช่วงปลายเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ได้มีการทำข้อตกลงการลงทุนร่วมกันเพื่อเปิดพีเอไอในประเทศเวียดนามสาขาแรก ซึ่งจะเปิดที่ Health Club ที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนามตั้งอยู่ใจกลางกรุงฮานอย โดยให้บริการทั้งในส่วนของศัลยกรรมตกแต่ง หรือ Plastic Surgery และในส่วนของผิวหนังและเลเซอร์ หรือ Dermatology and Laser ซึ่งจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในเดือนกันยายนนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จในภายในสิ้นปี 52 และจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในช่วงเดือน มกราคม ปี 53 ภายใต้ปรัชญาของ PAI (พีเอไอ) เดียวกันที่ว่า “The beauty solution”
สำหรับการลงทุนก่อตั้งศูนย์ครั้งนี้ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ จากผู้ลงทุนพีเอไอ ซึ่งล้วนเป็นหุ้นส่วนผู้ก่อตั้งพีเอไอในไทยและอีกส่วนคือนักลงทุนชาวเวียดนาม โดยมีการวางงบประมาณการลงทุนมากกว่า 50 ล้านบาท นอกจากนี้ทางพีเอไอได้มีการลงทุนในเรื่องของ Know-how ซึ่งมีการส่งทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของศูนย์พีเอไอไปประจำการอยู่ที่เวียดนาม อีกทั้งจัดหลักสูตรอบรมแพทย์และบุคลากรชาวเวียดนามโดยทีมแพทย์ของไทย จนผ่านเกณฑ์และได้รับใบประกาศนียบัตรจากศูนย์ก่อนที่จะบรรจุเข้าทำงาน เพื่อให้ได้มาตรฐานเดียวกันกับศูนย์ในไทย การเปิดศูนย์ในเวียดนามนี้คาดว่าจะทำให้มีเม็ดเงินเข้าประเทศกว่า 20 ล้านบาทต่อปี ซึ่งการขยายศูนย์พีเอไอไปเปิดสาขาในต่างประเทศนั้น นอกจากเวียดนามแล้ว ยังมีการเตรียมการลงทุนในหลายประเทศ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงเจรจาการก่อนตั้งศูนย์ คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุป ประมาณต้นปีหน้า โดยการขยายศูนย์ไปยังต่างประเทศ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของพีเอไอในการบุกตลาดเอเชีย และผลักดันให้วงการศัลยกรรมไทยขึ้นเป็นฮับในอาเซียนได้ในอนาคตอันใกล้ รองกรรมการผู้จัดการศูนย์ ฯ กล่าวทิ้งท้าย