นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนประจำงวด6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2552 ว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ 471 บริษัทจาก 500 บริษัท รวมกองทุนอสังหาริมทรัพย์ มีกำไรสุทธิรวม 208,506 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 32 โดยมีบริษัทที่มีกำไรสุทธิ 340 บริษัท และขาดทุนสุทธิ 131 บริษัท คิดเป็นสัดส่วน 72 ต่อ 28 สำหรับผลการดำเนินงานโดยรวมในงวดไตรมาส 2 ปี 2552 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีกำไรสุทธิ 125,535 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 17 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
"หากเทียบผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ของปี 2552 ซึ่งมีกำไรสุทธิรวม 125,535 ล้านบาท กับผลการดำเนินงานไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 52 เป็นกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น 43,071 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 โดยยอดขายรวมในไตรมาส 2 มีจำนวน 1,527,293 ล้านบาท" นางภัทรียากล่าว
สำหรับบริษัทในกลุ่ม SET100 มีกำไรสุทธิใน 6 เดือนแรก ปี 2552 เท่ากับ 192,509 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 29 จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมียอดขายลดลงร้อยละ 26 ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบผลการดำเนินงานรายไตรมาส บริษัทในกลุ่ม SET100 มีกำไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 2552 เพิ่มขึ้นร้อยละ 45 จากไตรมาส 1 ปีนี้ ขณะที่บริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม SET50 มีกำไรสุทธิใน 6 เดือนแรก ปี 2552 เท่ากับ 181,458 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 27 จากงวดเดียวกันของปีก่อนและมียอดขายลดลงร้อยละ 28 สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2552 เปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ปีนี้ บริษัทในกลุ่ม SET 50 มีกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้นร้อยละ 18
บริษัทจดทะเบียนที่มีกำไรสุทธิรวมสูงสุด 5 อันดับแรก คือ บมจ.ปตท. (PTT) บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และ บมจ. ธนาคารกรุงเทพ (BBL)
ด้านผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน 8 กลุ่มอุตสาหกรรม (Industry Group) ในรอบ 6 เดือนแรกของปี 2552 ไม่รวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน (Non-Compliance: NC) และบริษัทในกลุ่มที่แก้ไขการดำเนินงานไม่ได้ตามกำหนด (Non-Performing Group: NPG) จำนวน 447 บริษัท มีกำไรสุทธิรวม 209,256 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 32 จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารเพียงกลุ่มเดียวที่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น สรุปผลการดำเนินงานเรียงตามกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีกำไรสุทธิสูงสุด ดังนี้
1. กลุ่มทรัพยากร ประกอบด้วยหมวดพลังงานและสาธารณูปโภค และหมวดเหมืองแร่ มีกำไรสุทธิ 89,156 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 32 สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2552 เปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2552 กลุ่มทรัพยากรมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 76
2. กลุ่มธุรกิจการเงิน ประกอบด้วยหมวดธนาคาร หมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ และหมวดประกันภัยและประกันชีวิต มีกำไรสุทธิ 46,584 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 12 สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2552 เปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2552 กลุ่มธุรกิจการเงิน มีกำไรสุทธิลดลงร้อยละ 0.57
3. กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ประกอบด้วยหมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หมวดวัสดุก่อสร้างและ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ มีกำไรสุทธิ 28,269 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 10 สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2552 เปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2552 กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 19
4. กลุ่มเทคโนโลยี ประกอบด้วยหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และหมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ มีกำไรสุทธิ 18,031 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 30 สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2552 เปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2552 กลุ่มเทคโนโลยีมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 36
5. กลุ่มบริการ ประกอบด้วยหมวดพาณิชย์ หมวดสื่อและสิ่งพิมพ์ หมวดการแพทย์ หมวดการท่องเที่ยวและสันทนาการ หมวดบริการเฉพาะกิจ และหมวดขนส่งและโลจิสติกส์ มีกำไรสุทธิ 17,806 ล้านบาท ลดลง จากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 17 สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2552 เปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2552 กลุ่มบริการ มีกำไรสุทธิลดลงร้อยละ 84
6. กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร ประกอบด้วยหมวดอาหารและเครื่องดื่ม และหมวดธุรกิจการเกษตร มีกำไรสุทธิ 12,219 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 22 สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2552 เปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2552 กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 84
7. กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ประกอบด้วยหมวดของใช้ในครัวเรือนและสำนักงาน หมวดของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ หมวดแฟชั่น มีกำไรสุทธิ 2,687 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 32 สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2552 เปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2552 กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 483
8. กลุ่มวัตถุดิบสินค้าอุตสาหกรรม ประกอบด้วยหมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ หมวดวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร หมวดบรรจุภัณฑ์ หมวดกระดาษและวัสดุการพิมพ์ และหมวดยานยนต์ มีผลขาดทุนสุทธิ 5,496 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 117 สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2552 เปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2552 กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 157
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. S-E-T Call Center 0-2229-2222
สื่อมวลชนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายสื่อสารองค์กร ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร. 0-2229 — 2036 / กนกวรรณ เข็มมาลัย โทร.
0-2229 — 2048 วรรษมน เสาวคนธ์เสถียร โทร. 0-2229-2797