อบรมจันทร์ที่ 31 สิงหาคม 2552
ณ โรงแรมดุสิตปริ๊นเซสศรีนครินทร์ ถนนศรีนครินทร์
ในทุกกิจการ เมื่อแรกรับบุคคลเข้าทำงาน ส่วนใหญ่เกือบจะไม่มีปัญหา แต่หลังจากทำงานร่วมกันมา ระยะหนึ่ง ลูกจ้างบางคน ก็เริ่มมีพฤติกรรมเบี่ยงเบน มีการประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่ไม่เหมาะสม มีการฝ่าฝืน ข้อกำหนด ที่กำหนดให้ประพฤติปฏิบัติ ฝ่าฝืนข้อห้ามที่ห้ามมิให้ประพฤติปฏิบัติ หากฝ่ายนายจ้าง ไม่มีความ เข้าใจในการใช้มาตรการทางวินัย เมื่อถึงคราวที่จะต้องลงโทษลูกจ้าง ก็ทำไม่ถูกต้อง เมื่อลูกจ้าง ฟ้องศาลแรงงานก็ปรากฏว่าฝ่ายนายจ้างเป็นฝ่ายแพ้คดีเป็นส่วนใหญ่ (แพ้คดีประมาณ 80%)
จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญสำหรับฝ่ายแรงงานสัมพันธ์ ฝ่ายการพนักงาน ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ผู้บริหาร โดยวิทยากรได้คัดเลือกคำพิพากษาฎีกาต่างๆ ในส่วนที่ฝ่ายนายจ้างชนะคดี (ที่มีอยู่ประมาณ 20%) มาเป็นตัวอย่าง ให้คำแนะนำ สำหรับนำมาใช้ในกรณีจำเป็น เพื่อแก้ปัญหาที่ได้ผลและถูกต้อง
กำหนดการ
08.30-09.00 ลงทะเบียน
09.00-16.00
1. ความหมายของวินัยพนักงาน
2. การใช้มาตรการทางวินัยเชิงสร้างสรรรค์ ด้วยการระวัง ดูแล ป้องกันและเยี่ยวยาแก้ไข
3. ความหมายของการสอบสวน
4. เทคนิคการสอบสวนข้อเท็จจริง
- ทำไมต้องสอบสวนผู้กล่าวหาก่อนผู้ถูกกล่าวหา จึงจะได้ผลโดยแท้
5. เทคนิคการสอบสวนที่ดี
6. เทคนิคการเตรียมการสอบสวน
7. เทคนิคการรวบรวมพยานหลักฐาน (ก่อนไปสอบสวน/ระหว่างสอบสวน และการรวบรวมพยานหลักฐาน)
8. ประเภทของพยาน
- ประจักษ์พยาน พยานแวดล้อมกรณี พยานบอกเล่า พยานผู้เชี่ยวชาญ
- พยานบุคคล พยานเอกสาร วัตถุพยาน
9. การจัดทำรายงานการสอบสวน
10. ขั้นตอนการใช้มาตรการในการลงโทษ
10.1 ข้อบังคับ/ตัวบทกฎหมาย/คำพิพากษาฎีกา/ประกาศ ระเบียบ คำสั่ง
10.2 เหตุมีอยู่จริง ไม่ระบุในคำสั่ง นำมาอ้างใช้ต่อสู้คดีไม่ได้
10.3 ไม่ต้องรอผลคดีอาญา สอบสวนเสร็จ ลงโทษได้โดยชอบ
10.4 มิได้แจ้งข้อหาแต่ต้น แจ้งข้อหาเพิ่มได้
10.5 ไม่กำหนดความผิดครั้งใด ลงโทษเท่าไรจะปลอดภัยกว่า
10.6 ลงโทษต่างกัน ในความผิดเดียวกันได้
10.7 ความประพฤติส่วนตัวไม่เหมาะสม เลิกจ้างได้
10.8 หลักเกณฑ์การออกหนังสือเตือนมีอย่างไร
10.9 ลักษณะคำเตือนที่รัดกุม ถูกต้อง มี 6 ประการ
10.10 วิธีแจ้งคำเตือนเป็นหนังสือที่สมบรูณ์ 7 ประการ
10.11 การเลิกจ้างตามกฎหมายว่าด้วยสัญญาจ้างแรงงาน 5 ประการ
11. เหตุลดหย่อนโทษ
12. คำพิพากษาฎีกาที่เกี่ยวกับการลงโทษทางวินัยที่ต้องให้ความสนใจ
12.1 ทำผิดครั้งเดียว ลงโทษหลายสถานได้
12.2 ลงชื่อทำงานล่วงเวลา แต่ไม่มาทำ ถือเป็นการละทิ้งหน้าที่ได้
12.3 แม้มีใบรับรองแพทย์แสดง นายจ้างไม่เชื่อ เลิกจ้างได้
12.4 อ้างเหตุไม่ตรงความผิด ศาลฎีกาให้เลิกจ้างได้
12.5 ปล้ำลูกน้องนอกที่ทำงาน นอกเวลางาน ก็เลิกจ้างได้
12.6 ทะเลาะวิวาทเลิกจ้างได้
12.7 ต่อยหัวหน้า นอกโรงงาน แต่เกี่ยวกับงาน เลิกจ้างได้
12.8 เลิกจ้างผู้บังคับบัญชา เพราะบกพร่องในการดูแลลูกน้องได้
12.9 ลูกจ้างพูดจาข่มขู่ และไม่สุภาพต่อนายจ้าง เลิกจ้างได้
12.10 ไม่ไว้วางใจลูกจ้าง ก็เลิกจ้างได้
12.11 หย่อนสมรรถภาพในการทำงาน เลิกจ้างได้
12.12 ขาดงาน 2 วัน แม้มีเหตุผลอันสมควร ก็เลิกจ้างได้
12.13 หลับในเวลาทำงาน 2 ชั่วโมง เลิกจ้างได้
12.14 ทำความผิดมานานเกิน 1 ปี นำเหตุดังกล่าวมาเลิกจ้างได้
12.15 ทำงานไม่ได้มาตรฐาน ให้ปรับปรุงตัว ไม่น่าพอใจ เลิกจ้างได้
12.16 เล่นการพนัน นอกโรงงาน เลิกจ้างได้
12.17 ลูกจ้างหยอกล้อซ้ำในเวลาทำงาน ถูกเลิกจ้างไม่ได้ค่าชดเชย
12.18 ใช้เวลาทำงานมาขายของส่วนตัว เลิกจ้างได้
12.19 ดื่มสุรามาก จนรุ่งขึ้นมาทำงานมิได้ ก็เลิกจ้างได้
12.20 ไม่เข้าร่วมประชุม ตามนายจ้างสั่ง เลิกจ้างได้
12.21 มีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน เลิกจ้างได้
12.22 ลงเวลาทำงาน แต่ไม่ทำงาน เลิกจ้างได้
12.23 ทำผิดระเบียบ แม้ไม่ร้ายแรง ก็เลิกจ้างได้
12.24 รับเงินจากลูกค้า โดยมิได้เรียกร้อง ก็เลิกจ้างได้
12.25 ทำเงินขาดบัญชีเล็กน้อย ก็เลิกจ้างได้
12.26 สั่งให้ลูกจ้างไปทำงานที่หนึ่ง แต่กลับไปอีกที่หนึ่ง เลิกจ้างได้
12.27 ลูกจ้างทำผิดอาญา ศาลให้รอการลงโทษ ก็เลิกจ้างได้
จากคำพิพากษาฎีกาต่างๆ ที่วินิจฉัยในประเด็นดังกล่าวข้างต้น แม้จะมีน้อยกว่ากรณีที่นายจ้างแพ้คดีก็ตาม แต่ถ้าหากท่านมีความเข้าใจถูกต้อง ท่านสามารถนำมาใช้จัดการกับพนักงานที่มีปัญหาที่ไม่ต้องการจ้างได้โดยชอบตามกฎหมาย ช่องทางสำหรับจัดการตามกฎหมายมีอยู่ และเมื่อเป็นคดีกัน ท่านก็เป็นฝ่ายได้เปรียบ หากรู้เท่าทันในกฎหมายโดยนำมาใช้ในเวลาและจังหวะที่เหมาะสม
วิทยากร
อ.รุ่งเรือง บุตรประคนธ์
- ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านกฎหมายแรงงาน
- อาจารย์สอนปริญญาโทในวิชากฎหมายแรงงาน และคำพิพากษาฎีกาคดีแรงงาน
- ผู้ศึกษาค้นคว้าคำพิพากษาฎีกาคดีแรงงานมามากกว่า 44,000 คดี
- ที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคลและกฎหมายแรงงานให้แก่กิจการภาคเอกชน
ค่าใช้จ่ายในการลงทะเบียนต่อหลักสูตร ต่อท่าน
ท่านละ3,200 บาท + ภาษี 7 % = 3,424 บาท
กรณีหัก ณ ที่จ่าย 3% เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร 3030704238
บริษัท วาโซ่ จำกัด 79/68 ซอย.สามวา 29 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพ ฯ 10510
วิธีการสำรองที่นั่ง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และขอใบสมัคร ที่ โทร.0-29062211-2
แฟกซ์ใบสมัครมาที่ 0-29062127, 029062231
วิธีการชำระเงิน
เช็คสั่งจ่าย บริษัท วาโซ่ จำกัด หรือ WASO LTD. หรือ
โอนเงินเข้าบัญชีกระแสรายวัน ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขา รามอินทรา กม.10 เลขที่บัญชี 142-3-00534-2
แฟ็กซ์ใบ Pay in ระบุชื่อคอร์ส และชื่อบริษัท ไปที่ 0-29062231, 0-29062127 (ผู้เข้าอบรมเป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียมการโอนกรณีโอนเงินจากต่างจังหวัด)
การแจ้งยกเลิกการอบรม
ในกรณีที่ท่านสำรองที่นั่งไว้แล้วแต่ไม่สามารถเข้าร่วมสัมมนาได้ เนื่องจากเหตุจำเป็น
กรุณาแจ้งยกเลิกก่อนวันงานอย่างน้อย 3 วัน หากไม่แจ้งตามกำหนด
ท่านจะต้องชำระค่าธรรมเนียมเอกสาร เป็นจำนวน40% ของ อัตราค่าลงทะเบียน
เพื่อสุขภาพของผู้เข้าอบรม และลดความกังวลเกี่ยวกับอนามัยส่วนบุคคล
- เราแจกหน้ากากอนามัยให้ทุกท่าน
- มีเจลแอลกอฮอลไว้บริการตลอดการอบรม
- ห้องอบรมแยกออกจากโซนปกติ และแอร์คอนดิชั่นแยกโซนจากโซนปกติ
- โรงแรมที่ใช้สะอาด ปลอดภัย ในระดับ 4-5 ดาว