นายดีลิป กุมาร์ อากาวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อินโดรามา โพลีเมอร์ส (IRP) เปิดเผยว่า บริษัท ฯ จะยังคงเป้าหมายปริมาณการขายที่ 1.05 ล้านตัน ในปีนี้ หรือเพิ่มขึ้น 25% จากปีก่อน โดยคิดเป็นยอดขายที่ 47,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่า 41,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา ขณะที่กำลังการผลิตในไตรมาส 3 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากการเปิดดำเนินการของโรงงานผลิตขวด PET แห่งใหม่ในประเทศสหรัฐอเมริกา
นายอากาวาล กล่าวว่า ในปีนี้บริษัท ฯ ตั้งเป้าที่จะรักษาอัตรากำไรสุทธิไว้ที่ 5.4% และคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นอีกในปีหน้า ขณะที่กำลังการผลิตในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 1.4 ล้านตัน ซึ่งมากกว่า 958,000 ตันในปีที่ผ่านมา โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 1.05 ล้านตันในปีนี้ สูงกว่า 807,227 ตันในปีก่อนเช่นกัน และด้วยประมาณยอดขายดังกล่าว บริษัท ฯ จึงคาดว่าน่าจะมีรายได้จากยอดขายอยู่ที่ 47,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามปริมาณการผลิตของ IRP นั้น ยังไม่ได้รวมกำลังการผลิตของบริษัทที่ได้จากการเข้าซื้อกิจการโดย บมจ.อินโดรามา โพลีเอสเตอร์ อินดัสตรี้ส์ (IPI) ซึ่งเป็นบริษัทในเครืออินโดรามา เวนเจอร์ กรุ๊ป เช่นเดียวกับ IRP โดยทั้ง IRP และ IPI นั้น จะมีข้อตกลงร่วมกันที่จะขายผลิตภัณฑ์ซึ่งได้จากการผลิตของ IPI อีกด้วย
ขณะที่ นายอากาวาลยอมรับว่า ยอดขายในไตรมาส 3 ของปีนี้ จะลดลงเล็กน้อยจากไตรมาส 2 ที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซั่น โดยจะส่งผลให้มูลค่ายอดขายของบริษัท ฯ ลดลง ขณะที่สเปรดของผลิตภัณฑ์เริ่มที่จะแคบลงอีกด้วย
“ในส่วนของการผลิต บริษัท ฯ ตัดสินใจที่จะเลื่อนแผนการเปิดโรงงานผลิตขวด PET ในสหรัฐอเมริกาออกไปอีก 2 เดือน เพื่อปรับปรุงเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต อย่างไรก็ตาม ความล่าช้าที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อกำลังการผลิตในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้เพียงเล็กน้อย” นาย อากาวาล กล่าว
IRP ใช้เงินลงทุนในโรงงานผลิตขวด PET ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นจำนวน 182 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเดิมคาดว่าสายการผลิตที่ 1 จะสามารถเริ่มดำเนินการได้ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และสายการผลิตที่ 2 จะเริ่มผลิตได้ในเดือนกันยายนปีนี้ แต่จากแผนการปรับปรุงเทคโนโลยีการผลิตจึงทำให้ต้องเลื่อนการผลิตของสายการผลิตที่ 1 และ 2 ไปเป็นเดือนกันยายน และ พฤศจิกายน ตามลำดับ โดยการลงทุนในโครงการนี้คาดว่าจะสามารถบันทึกมูลค่าการลงทุนได้ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นไป
“เรามีแผนที่จะให้ IPI ทำการผลิตขวด PET ให้จำนวน 90,000 ตัน ในไตรมาสที่ 4 ในส่วนของกำลังการผลิตขวด PET ในปีหน้า เราคาดว่าจะเพิ่มเป็น 1.5 ล้านตัน จากปัจจุบันซึ่งมีกำลังการผลิตประมาณ 1 ล้านตัน และแม้ว่าในไตรมาส 3 จะเป็นช่วงโลว์ซีซั่น ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่ายอดขายของบริษัท ฯ ลดลง รวมทั้งสเปรดของผลิตภัณฑ์ที่คาดว่าจะแคบลงด้วย ทำให้เรามีแผนการที่จะผลักดันให้ปริมาณการขายเพิ่มสูงขึ้น” นายอากาวาลกล่าว
นายอากาวาลยืนยันว่า บริษัท ฯ มีเป้าหมายที่จะรักษาอัตรากำไรสุทธิในปีนี้ที่ระดับ 5.4% ซึ่งเท่ากับอัตรากำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีแรก และสูงขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 3.8% เนื่องจากยอดขายที่ยังเติบโตต่อเนื่องทั้งในจีน อินเดีย และไทย ขณะที่ยอดขายในประเทศสหรัฐอเมริกาและยุโรปจะยังทรงตัวจากปีก่อน แต่เชื่อว่าในปีหน้า ความต้องการใช้ขวด PET จะเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาคทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกาและยุโรปน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านตัน
โดยปัจจุบัน ความต้องการใช้ขวด PET ยังมีอัตราการเติบโตมากกว่า 3% ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดของ IRP ในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน เนื่องจากการปิดกิจการของโรงงานบางแห่งในทวีปอเมริกาเหนือและยุโรป
“เราคาดว่าความต้องการใช้ขวด PET จะเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 5-6% ในปีหน้า จากการฟื้นตัวของสภาวะเศรษฐกิจโดยเฉพาะในบางประเทศเช่น บราซิล รัสเซีย อินเดีย และ จีน ซึ่งในส่วนของ IPI ที่เป็นบริษัทย่อยของเราก็ยังมีความสามารถในการแข่งขันสูง เนื่องจากมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าคู่แข่ง ดังนั้น เราจึงเชื่อว่าในปีหน้า IRP จะสามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากกำลังผลิตที่เพิ่มขึ้นกว่า 500,000 ตัน รวมทั้งการฟื้นตัวของตลาดในสหรัฐ และยุโรปอีกครั้ง จากสภาวะตลาดที่ทรงตัวในปีนี้"นายอากาวาล กล่าวสรุป