สถานีสูบน้ำพระราม 4 มีพื้นที่รับผิดชอบประมาณ 19.5 ตารางกิโลเมตร ในพื้นที่เขตสาทร บางรัก ปทุมวัน คลองเตย และบางส่วนของยานนาวา มีเครื่องสูบน้ำไฟฟ้าชนิด Submersible Axial Propeller Pump จำนวน 2 เครื่อง และเครื่องยนต์ดีเซล ชนิด Direct injection 4 จังหวะ ขนาด 920 แรงม้า จำนวน 2 เครื่อง มีประสิทธิภาพในการสูบรวม 22.80 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ส่วนสถานีสูบน้ำคลองช่องนนทรี มีพื้นที่รับผิดชอบเขตสาทร บางรัก ปทุมวัน ยานนาวา และบางส่วนของบางคอแหลม มีเครื่องสูบน้ำไฟฟ้าชนิด Submersible Axial Propeller Pump จำนวน 5 เครื่อง มีประสิทธิภาพในการสูบรวม 30 ลูกบาศก์เมตร/วินาที นอกจากนี้ยังมีโรงควบคุมคุณภาพน้ำช่องนนทรี ซึ่งเป็นโรงบำบัดน้ำเสียขนาดใหญ่ที่สุดของกรุงเทพมหานคร มีพื้นที่โรงควบคุมคุณภาพน้ำ ประมาณ 20ไร่ พื้นที่รับน้ำเสีย 28.5 ตารางกิโลเมตร กระบวนการบำบัดน้ำเสียเป็นแบบ CASS (Cyclic Activated Sludge System) ความยาวท่อรวบรวมน้ำเสีย 51 กิโลเมตร มีบ่อรวบรวมน้ำเสีย 555 บ่อ สถานีสูบยกระดับน้ำเสีย 3 สถานี มีขีดความสามารถในการบำบัดน้ำเสีย 200,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน โดยบำบัดน้ำเสียจากแหล่งชุมชนในพื้นที่เขตยานนาวา บางรัก สาทร และบางคอแหลม
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครมีความพร้อมในการรับมือปัญหาน้ำท่วม มากกว่าทุกปีที่ผ่านมา ถ้าไม่มีสาเหตุจากธรรมชาติคือ น้ำฝน น้ำทะเลหนุน น้ำเหนือ โดยมีสถานีระบายน้ำทั้งหมด 150 แห่ง และอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 2 แห่ง ซึ่งจะแล้วเสร็จประมาณต้นปี 53 ส่วนโรงบำบัดน้ำเสีย มีทั้งหมด 7 แห่ง ซึ่งมีขีดความสามารถในการบำบัดน้ำเสียได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามกรุงเทพมหานคร จะหาพื้นที่ในการก่อสร้างโรงบำบัดน้ำเสียเพิ่มอีก โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพตอนเหนือ และพื้นที่ฝั่งธนบุรี เพื่อให้แม่น้ำลำคลองกลับมาใสสะอาดเหมือนเดิม