สคบ.จับมือ สพฐ.สร้างพลังเยาวชนของชาติเป็นผู้บริโภคที่เข้มแข็ง

จันทร์ ๒๔ สิงหาคม ๒๐๐๙ ๑๒:๓๗
เมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๒ เวลา ๐๘.๓๐ น. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) ประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นประธานแถลงข่าว “โครงการเยาวชนยุคใหม่ร่วมใจคุ้มครองผู้บริโภค” และได้ร่วมกันลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการจัดการเรียนรู้ และการจัดกิจกรรมคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคในสถานศึกษา ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค

โดยเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (นายนิโรธ เจริญประกอบ) และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา) ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงดังกล่าว ณ ห้องประชุม ๒๐๓ อาคารหอประชุม กรมประชาสัมพันธ์ กรุงเทพฯ

ด้วยสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ จัดทำโครงการเยาวชนยุคใหม่ ร่วมใจคุ้มครองผู้บริโภคขึ้น เพื่อให้เยาวชนของชาติได้ตระหนักถึงความสำคัญของการรวมพลังผู้บริโภค รวมตัวกันเพื่อจัดตั้งองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคในระดับเยาวชน เป็นแกนนำในการจัดกิจกรรมคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคในโรงเรียนและชุมชน เป็นสื่อกลางในการเผยแพร่ความรู้ในเรื่องการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ เผยแพร่ความรู้ความเข้าใจในธุรกิจขายตรงได้อย่างถูกต้อง รวมทั้งเป็นผู้บริโภค มีค่านิยม และพฤติกรรมการบริโภคที่ถูกต้องเป็นไปตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอันจะเป็นก้าวสำคัญในการวางรากฐานการรวมตัวกัน ของผู้บริโภคเพื่อจัดตั้งองค์กรที่มีบทบาทในการคุ้มครองผู้บริโภคในอนาคต จึงได้จัดให้มีการแถลงข่าวขึ้นในวันนี้เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ทราบโดยทั่วกัน

ในการนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ได้กล่าวว่า “เป็นที่น่ายินดีที่ท่านรัฐมนตรีสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ซึ่งกำกับดูแลงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภคได้ให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมการศึกษาในเรื่อง การคุ้มครองผู้บริโภค ที่มีอยู่ในหลักสูตรการศึกษาของชาติ โดยมุ่งหวังที่จะส่งเสริมให้เยาวชนมีความรู้ ความเข้าใจในสิทธิของผู้บริโภค มีคุณธรรม จริยธรรมและค่านิยม รวมถึงการมีพฤติกรรมการบริโภคที่ถูกต้องเหมาะสม

กระทรวงศึกษาธิการ ได้ดำเนินนโยบายเรียนฟรี ๑๕ ปี โดยสนับสนุนปัจจัยพื้นฐานเรื่องค่าเล่าเรียน ตำราเรียน อุปกรณ์การเรียน ชุดนักเรียนและกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนไประดับหนึ่งแล้ว ต่อไปจะเน้นในมิติของคุณภาพโดยให้ความสำคัญต่อการจัดกิจกรรม 3D ได้แก่การส่งเสริมประชาธิปไตย (Democracy) คุณธรรม และความเป็นไทย (Decency) และการมีภูมิคุ้มกันภัยจากยาเสพติด (Drug-free) จากนโยบายดังกล่าว จะเห็นได้ว่าความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยเฉพาะโครงการเยาวชนยุคใหม่ร่วมใจคุ้มครองผู้บริโภค มีความสอดคล้องเป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะส่งเสริมให้เยาวชนแสดงศักยภาพในการคุ้มครองผู้บริโภค แล้วยังสามารถสะท้อนกระบวนการทางประชาธิปไตย ที่จะส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม อันจะนำไปสู่การปฏิบัติที่ปลอดภัยจากสิ่งอันตรายต่างๆไม่ว่าจะเป็นยาเสพติด สินค้าหรือบริการที่เป็นอันตราย หรือไม่เป็นธรรมต่อผู้ใช้หรือผู้บริโภคด้วย

ทั้งนี้ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ได้กล่าวว่า “รัฐบาลได้เห็นความสำคัญของการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค จึงได้บรรจุเนื้อหาวิชาการคุ้มครองผู้บริโภคไว้ในหลักสูตรการศึกษาขึ้นพื้นฐาน พุทธศักราช๒๕๔๔ และตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๗ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้

บูรณาการ เรื่อง การคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคขึ้นเพื่อใช้ในการเรียนการสอนในระดับช่วงชั้นที่ ๓ (ม.๑-ม.๓) และระดับช่วงชั้นที่ ๔ (ม.๔-ม.๖) เพื่อให้การจัดการเรียนรู้ เรื่อง การคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคในสถานศึกษาเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ และสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมาย นอกจากนี้ยังได้สนับสนุนให้มีการจัดตั้งชมรมคุ้มครองผู้บริโภคในสถานศึกษาขึ้น เป็นเครือข่ายในการถ่ายทอดความรู้ เรื่อง การคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคจากสถานศึกษาสู่ชุมชน และเป็นแกนนำในการจัดกิจกรรมด้านการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคในชุมชนได้อย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพในโอกาสต่อไป”

นอกจากนี้ คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ได้เปิดเผยว่า “ปัจจุบันปัญหาพฤติกรรมการบริโภคของเยาวชนไทยเป็นปัญหาสำคัญประการหนึ่งที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงานจะต้องให้ความสนใจ เนื่องจากเยาวชนเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญ ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจพยายามจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายนี้ด้วยวิธีการต่างๆ โดยอาศัยช่องว่างจากสภาพสังคมที่มีการแข่งขันสูงทำให้ผู้ปกครองไม่มีเวลาในการให้คำแนะนำที่ถูกต้องในการบริโภค ทั้งสินค้าและบริการตลอดจนสื่อโฆษณาต่างๆที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจที่ขาดคุณธรรม จริยธรรม แสวงหาประโยชน์จากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเยาวชน เช่น การโฆษณาส่งเสริมการขายสินค้าบางชนิดที่โฆษณามุ่งเน้นในด้านการมีความสามารถพิเศษของสินค้า โดยไม่คำนึงถึงความจำเป็นในการใช้งาน หรือการส่งเสริมให้เยาวชนมีพฤติกรรมเลียนแบบ โดยการนำนักร้องหรือนักแสดงที่เป็นเยาวชนมีค่านิยมในการบริโภคที่ไม่ถูกต้อง

ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ภาครัฐต้องร่วมกันสร้างค่านิยมในพฤติกรรมการบริโภคให้ถูกต้องเหมาะสมให้แก่เยาวชนไทย ซึ่งเป็นอนาคตของประเทศชาติ และด้วยพลังของเยาวชนจะสามารถร่วมกันขับเคลื่อนการสร้างกระแสการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค ทั้งในระดับเยาวชนด้วยกันเอง และระดับชาติในที่สุด”

อนึ่ง นายนิโรธ เจริญประกอบ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “การจัดโครงการเยาวชนยุคใหม่ร่วมใจคุ้มครองผู้บริโภค เป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยคาดว่าจะมีสถานศึกษาจากทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการ จำนวน ๑,๒๐๐ แห่ง นักเรียนที่เป็นสมาชิกชมรมคุ้มครองผู้บริโภคเช้าร่วมโครงการ จำนวน ๔,๘๐๐ คน ครูที่ปรึกษาชมรมคุ้มครองผู้บริโภค จำนวน ๑,๒๐๐ คน

สำหรับโครงการดังกล่าว แบ่งการประกวดออกเป็น ๒ ประเภท ได้แก่ ประเภททีม และประเภทบุคคล โดยประเภททีม แบ่งออกเป็น ๓ กิจกรรม กล่าวคือ (๑) การคัดเลือกกิจกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (๒) การคัดเลือกกิจกรรมการเรียนรู้ (๓) การคัดเลือกการนำเสนอแนวคิด “Consumer’s Life 2009” ในส่วนของประเภทบุคคล แบ่งออกเป็น ๒ กิจกรรม กล่าวคือ

(๑) การประกวดภาพเขียนภายใต้หัวข้อ “เศรษฐกิจที่วิกฤติ ควรรักษาสิทธิของเราอย่างไร”

(๒) การประกวดคำขวัญเพื่อรณรงค์การรักษาสิทธิผู้บริโภค ผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในกิจกรรมประเภททีม จะได้ร่วมไปกับคณะอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ ในสถานศึกษา ณ ประเทศสิงคโปร์การมอบรางวัล แบ่งออกเป็น ประเภททีม มี ๓ รางวัลได้แก่ (๑.) รางวัลชนะเลิศ ได้รับโล่เกียรติยศ จากประธานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค พร้อมทุนการศึกษา ๓๐,๐๐๐ บาท (๒.) รางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ ได้รับโล่เกียรติยศ จากเลขาธิการ สคบ. และเลขาธิการ สพฐ. พร้อมทุนการศึกษา ๒๐,๐๐๐ บาท และ (๓.) รางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒ ได้รับโล่เกียรติยศ จากเลขาธิการ สคบ. และเลขาธิการ สพฐ.

ส่วนประเภทบุคคล แบ่งออกเป็น ๒ กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมที่ ๑ การประกวดภาพวาด (ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย) รางวัลชนะเลิศ ได้รับทุนการศึกษา ทุนละ ๕,๐๐๐ บาท จำนวน ๒ รางวัล รวม ๑๐,๐๐๐ บาท พร้อมประกาศนียบัตร จากเลขาธิการ สคบ. รางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ ได้รับทุนการศึกษา ทุนละ ๓,๐๐๐ บาท จำนวน ๒ รางวัล รวม ๖,๐๐๐ บาท พร้อมประกาศนียบัตร จาก สคบ. รางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒ ได้รับทุนการศึกษา ทุนละ ๒,๐๐๐ บาท จำนวน ๒ รางวัล รวม ๔,๐๐๐ บาท พร้อมประกาศนียบัตร จากเลขาธิการ สคบ. และ ๔ รางวัลชมเชยได้รับทุนการศึกษา ทุนละ ๑,๐๐๐ บาท

พร้อมประกาศนียบัตร จากเลขาธิการ สคบ. จำนวน ๓๔ รางวัล รวม ๓๔,๐๐๐ บาท และกิจกรรมที่ ๒ การประกวดคำขวัญ (ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย) รางวัลชนะเลิศ ประกอบด้วย ทุนการศึกษา ทุนละ ๓,๐๐๐ บาท จำนวน ๒ รางวัล รวม ๖,๐๐ บาท พร้อมประกาศนียบัตร จากเลขาธิการ สคบ. รางวัลชนะเลิศอันดับ ๑ ประกอบด้วย ทุนการศึกษา ทุนละ ๒,๐๐๐ บาท จำนวน ๒ รางวัล รวม ๔,๐๐๐ บาท พร้อมประกาศนียบัตร

จากเลขาธิการ สคบ. และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒ ประกอบด้วย ทุนการศึกษา ๑,๕๐๐ บาท จำนวน ๒ รางวัล รวม ๓,๐๐๐ บาท พร้อมประกาศนียบัตร จากเลขาธิการ สคบ. การพิจารณาคัดเลือกผลงานทั้งสองประเภทจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ ๒๔ สิงหาคม-๑๕ กันยายนนี้”

ทั้งนี้ สคบ. จะดำเนินการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมให้กับโรงเรียนทั่วประเทศที่ประสงค์เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวต่อไป”

หลังจากจบการแถลงข่าว ได้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการจัดการเรียนรู้ และการจัดกิจกรรมคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคในสถานศึกษา ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และสำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยมีสาระสำคัญของความร่วมมือดังนี้

๑. สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคจะพัฒนาความรู้และกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภคให้มีความถูกต้อง ทันต่อเหตุการณ์ปัจจุบัน และเหมาะสมต่อการปฏิบัติจริง รวมทั้งส่งเสริมให้ครูและบุคลากรทางการศึกษานำไปใช้จัดการเรียนรู้ในสถานศึกษาอย่างต่อเนื่อง

๒. สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคจะจัดสรรงบประมาณให้สถานศึกษาจัดกิจกรรมการรณรงค์การคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคในสถานศึกษาสู่ชุมชน โดยจัดสรรงบประมาณผ่านสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา

๓. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานจะสนับสนุนให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคเข้าร่วมพัฒนา ความรู้ในโครงการที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคได้จัดขึ้น

๔. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานจะเป็นหน่วยงานกลางประสานกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคในการจัดสรรงบประมาณให้สถานศึกษาเพื่อจัดกิจกรรมให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคได้จัดทำขึ้น

๕. สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคและสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานร่วมกันดำเนินการนิเทศ กำกับ ติดตามและประเมินผลโครงการ รวมทั้งสนับสนุนให้สถานศึกษาเป็นหน่วยงานเฝ้าระวัง ติดตาม สอดส่อง และแจ้งเบาะแสผู้ประกอบธุรกิจที่กระทำการละเมิดสิทธิผู้บริโภคเพื่อให้ประชาชนในชุมชนได้รับความปลอดภัย เป็นธรรม จากการบริโภคสินค้าและบริการ

ทั้งนี้ บันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าวจะมีผลตั้งแต่วันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๒ เป็นต้นไป และนับเป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานร่วมกันเป็นเครือข่าย ในการปลูกผัง สร้างจิตสำนึกให้เยาวชนของชาติทั้งในมิติของการเป็นผู้บริโภคที่ดี รู้จักรักษาสิทธิ และในมิติของการเป็นผู้ประกอบธุรกิจที่มีคุณธรรมต่อไปอนาคต และนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนและการพัฒนาการคุ้มครองผู้บริโภคของไทยให้มีประสิทธิภาพสู่มาตรฐานสากลต่อไป

กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์

โทร ๐๒-๑๔๑๓๔๖๙-๗๔

โทรสาร ๐๒-๑๔๓๙๗๗๒-๓

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version