หอพักนักศึกษา “ทะเลแก้วนิเวศ” มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จ.พิษณุโลก เป็นอีกชุมชนหนึ่งที่มีปัญหาจากการจัดการกับ “ขยะ” เนื่องจากมีเยาวชนจากหลากหลายพื้นที่มาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกว่า 2 พันชีวิต อีกทั้งนักศึกษาเองก็ยังมีพฤติกรรมและนิสัยในการทิ้งขยะไม่เป็นที่ กิจกรรม “ขยะนี้มีค่า” จึงเกิดขึ้นมาเพื่อปลูกจิตสำนึกให้นักศึกษาตระหนักและเห็นความสำคัญของปัญหา รวมไปถึงคุณค่าของสิ่งที่ทิ้งลงถังที่มีมากกว่าคำว่า “ขยะ”
โดยกิจกรรม “ขยะนี้มีค่า” เป็นหนึ่งในกิจกรรมของโครงการ “หอพักสีขาว” ซึ่งดำเนินงานภายใต้ “โครงการการสร้างเสริมสุขภาวะในมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูสงคราม” ที่ได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยมีเป้าหมายในการที่จะสร้างสุขภาวะให้เกิดขึ้นกับบุคลากร เจ้าหน้าที่ และนักศึกษาของมหาวิทยาลัย รวมไปถึงการทำให้มหาวิทยาลัยราชภัฏมีบทบาทในการขับเคลื่อนองค์ความรู้ด้านการสร้างเสริมสุขภาวะและขยายผลออกไปสู่สังคม
ผศ.ศิริพร ไชยเมือง รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา และผู้ประสานงานโครงการสร้างเสริมสุขภาวะในมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงครามระบุว่า กิจกรรมนี้เป็นหนึ่งในโครงการการสร้างเสริมสุขภาวะในมหาวิทยาลัยราชภัฏ ซึ่งจะเข้าไปช่วยจัดการปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการจัดการขยะ ซึ่งถ้ามีการจัดการอย่างเป็นระบบ ถูกต้อง และครบวงจร จะทำให้สภาพแวดล้อมของหอพักดีขึ้น ส่งผลดีต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตของนักศึกษาที่พักอาศัย
“สิ่งที่สำคัญที่ก็คือ นักศึกษาจะได้มีวินัยที่ยั่งยืน เพราะเมื่อเขามีวินัยในการทิ้งขยะ และสามารถคัดแยกขยะนำไปสร้างรายได้ ต่อไปก็อาจจะพัฒนาขึ้นเป็นอาชีพเสริมของเขาก็ได้ในอนาคต และทางมหาวิทยาลัยก็คาดหวังว่าเขาจะนำสิ่งเหล่านี้กลับออกไปสู่ครอบครัว ชุมชน และสังคมในอนาคตต่อไป ซึ่งถ้าเราทำองค์กรย่อยในระดับหอพักของเราให้ประสบความสำเร็จได้ เราก็จะขยายผลออกไปสู่องค์กรอื่นภายในมหาวิทยาลัย และขยายผลของโครงการนี้ออกไปถึงชุมชนภายนอกมหาวิทยาลัยด้วย” อ.ศิริพรกล่าว
นาวสาวพนาวัน เปรมศรี ผู้จัดการหอพักทะเลแก้วนิเวศ กล่าวถึงการดำเนินงานของกิจกรรม “ขยะนี้มีค่า” ว่าเป็นหนึ่งในโครงการหอพักสีขาว ซึ่งเป็นโครงการใหญ่ของมหาวิทยาลัย ที่มาตอบโจทย์ในด้านสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัย เพราะในอดีตจะแก้ปัญหาด้วยการเพิ่มจำนวนของ “ถังขยะ” ต่อมาจึงพบว่าปัญหาสำคัญอยู่ที่พฤติกรรมของนักศึกษา จึงมีความคิดว่าทำอย่างไรจึงจะปลูกจิตสำนึกให้เด็กทิ้งขยะอย่างถูกวิธี เห็นมูลค่า และเห็นความสำคัญของขยะด้วยการดึงเขาเข้ามามีส่วนร่วม โดยนำตัวแทนนักศึกษา และเจ้าหน้าที่ของหอพัก ไปฝึกอบรมกับ “ดร.สมไทย วงเจริญ” ที่ “โรงงานวงษ์พาณิช” และทางหอพักก็จัดกิจกรรมสอดแทรกสาระความบันเทิงด้วยการประกวด “มิสรีไซเคิล” เพื่อให้ความรู้เกี่ยวและประโยชน์ของขยะ ไปพร้อมกับการคัดแยกขยะจริงๆ
“ตอนนี้เด็กๆ เริ่มเข้าใจและสามารถคัดแยกขยะได้ โดยรายได้ทั้งหมดจากการขายขยะจะแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกให้กับนักศึกษาที่เป็นตัวแทนในการคัดแยกขยะ ส่วนที่ 2 ให้กับแม่บ้านที่มาช่วยดูแล และส่วนที่ 3 จะนำไปจัดตั้งกองทุนที่มีตัวแทนนักศึกษามาช่วยกันบริหารงาน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ให้กับสมาชิกในหอพัก เช่นการจัดกิจกรรมต่างๆ ภายในหอพัก เด็กๆ ก็จะภูมิใจว่ากิจกรรมนั้นเกิดขึ้นมาจากกองทุนและความร่วมมือของเขา และคืนกลับไปให้ตัวเขาหรือคนที่ทิ้งขยะด้วย” ผู้จัดการหอพักทะเลแก้วนิเวศระบุ
ด้าน นาวสาวศิวรัตน์ ทับแปลง หรือ “น้องไตเติ้ล” นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ แกนนำนักศึกษาที่ทำหน้าที่คัดแยกขยะ จากหอพักที่ 3 กล่าวว่า หลังจากไปอบรมกับทางวงษ์พาณิชแล้วก็เห็นขยะเป็นเงิน เห็นขยะทุกชนิดมีค่า โดยจะทำการคัดแยกขยะไว้เป็น 4 ประเภท เพื่อจำหน่ายให้กับทางโรงงานวงษ์พาณิชย์คือ 1)ขยะรีไซเคิล เช่น กระดาษ, พลาสติก, โลหะ, แก้วฯลฯ ซึ่งเป็นขยะที่สามารถนำกลับไปใช้ใหม่ได้ 2)ขยะแห้ง เช่นเศษผ้า, เศษไม้, กล่องโฟม, ถุงพลาสติกฯลฯ ซึ่งจะนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนได้ 3)ขยะเปียก เช่นเศษอาหาร สามารถนำไปทำเป็นอาหารสัตว์ หรือหมักทำเป็นปุ๋ยได้ 4)ขยะอันตราย เช่น แบตเตอรี่, ขยะอิเล็กทรอนิกส์, ยางรถยนต์ กระป๋องยาฆ่าแมลงฯลฯ
“สมัยก่อนจะทิ้งขยะรวมเป็นถุงเดียวลงถังทำให้เน่าและมีกลิ่นเหม็นไปทั่ว ตอนนี้ก็ชวนเพื่อนๆ มาช่วยกันเก็บแยกขยะ และบอกให้เห็นถึงประโยชน์และผลดีที่จะได้ ซึ่งโครงการนี้นอกจากจะส่งผลดีกับทุกคนที่อยู่ที่หอพัก ตัวเราเองถ้าทำทุกวันก็จะได้นิสัยในการปรับเปลี่ยนการทิ้งขยะ ซึ่งก็ตั้งใจว่าจะทำให้หอพักของของมหาวิทยาลัยเราเป็นต้นแบบในด้านการจัดการกับปัญหาขยะให้กับคนอื่นๆ ได้มาศึกษาดูงาน” น้องไตเติ้ลกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
ศ.เกียรติคุณแพทย์หญิง ชนิกา ตู้จินดา คณะกรรมการ สสส. กล่าวถึงโครงการสร้างเสริมสุขภาวะในมหาวิทยาลัยราชภัฏว่า นอกจากจะเป็นการส่งเสริมสุขภาพและสร้างสุขภาวะให้เกิดขึ้นภายในมหาวิทยาลัยแล้ว ตัวนักศึกษาเองยังจะต้องมีความรู้ และสามารถเผยแพร่ความรู้ที่ถูกต้องทางด้านสุขภาวะอนามัยแก่ประชาชนทั่วไปได้ด้วย
“เพราะนักศึกษาคือต้นกล้า เราจึงต้องปลูกต้นกล้าให้เจริญเติบโต โดยเฉพาะเรื่องของสุขอนามัย มหาวิทยาลัยราชภัฏจะต้องร่วมกันสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนท้องถิ่น อนาคตของประเทศไทยจึงอยู่ที่สถาบันอุดมศึกษาสร้างระบบสุขภาพ เป็นระบบการศึกษาที่พาชาติออกจากวิกฤติ เพื่อสุขภาวะของคนทั้งมวล” พญ.ชนิกา กล่าวสรุป