นักวิชาการลงพื้นที่ ติวเข้มหลักสูตรตามทฤษฎี BBL ปั้นเด็กไทยเรียนรู้ไว เก่ง ฉลาด มีความสุข

พฤหัส ๒๗ สิงหาคม ๒๐๐๙ ๑๑:๓๐
สถาบันส่งเสริมอัจฉริยภาพและนวัตกรรมการเรียนรู้ ( สสอน.) หน่วยงานเฉพาะด้านของ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (สบร.) สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี นำทีมนักวิชาการ เยี่ยมชมการเรียนการสอนจากสภาพห้องเรียนจริง ของโรงเรียนตามโครงการพัฒนาหลักสูตรจัดการเรียนรู้ตามพัฒนาการของสมอง (Brain-Base Learning) เพื่อติดตามความคืบหน้าของการพัฒนาหลักสูตรตัวอย่างที่จะเร่งขยายให้เด็กไทย ฉลาด เรียนรู้ได้อย่างเต็มศักยภาพ โดยนักวิชาการได้แนะให้คุณครูสร้างการเรียนรู้จากของจริงไปสู่สัญลักษณ์ และสร้างบรรยากาศห้องเรียนแห่งความสุข เรียนรู้ด้วยความสนุกสนาน

ดร.ยุวดี ศันสนีย์รัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของสถาบันฯ เปิดเผยว่า “โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการวิจัยหลักสูตรการจัดการเรียนรู้ตามพัฒนาการสมองนำร่องประกอบด้วย 12 โรงเรียน โดยได้ริเริ่มโครงการตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 ตลอดระยะเวลา 5 ปีถึงปัจจุบัน ทางสถาบันฯ ได้เล็งเห็นความสำคัญและสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนโดยการอบรมบุคลากร และในครั้งนี้ได้ลงพื้นที่สังเกตการณ์การจัดการเรียนรู้จริง ที่ทำให้เห็นได้ชัดว่าเด็กที่เรียนรู้ตามหลักสูตร Brain-Base Learning มีพัฒนาการที่สมวัย และมีความพร้อมในการเรียนรู้อย่างเห็นได้ชัด”

ทางด้านของนักวิชาการ ศ.นพ.ประเสริฐ บุญเกิด ผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง ที่ได้ร่วมทีมเยี่ยมชมในครั้งนี้กล่าวว่า “จากการจัดการเรียนรู้ในรูปแบบที่แตกต่างออกไปโดยใช้ทฤษฏีการพัฒนาของสมองเป็นตัวตั้งในการจัดการเรียนรู้จะช่วยให้เด็กพัฒนาตนเองได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ นอกจากจะต้องคำนึงถึงการพัฒนาของสมองแต่ละช่วงวัยแล้ว ยังต้องเน้นการจัดการเรียนรู้ จากของจริงไปสู่สัญลักษณ์ เช่น การเรียนคณิตศาสตร์เรื่องจำนวน ก็เน้นให้เด็กได้สัมผัสจากการนับสิ่งของจริงและค่อยเชื่อมโยงหาสัญลักษณ์หรือตัวเลขทางคณิตศาสตร์ วิธีนี้จะช่วยให้การเรียนรู้เกิดจากความเข้าใจ ไม่ใช้การท่องจำ นอกจากนั้น การเรียนรู้ยังต้องควบคู่ไปกับบรรยากาศการเรียนที่ส่งเสริมให้เด็กเปิดหน้าต่างการเรียนรู้ คือ ต้องสนุก และ กระตุ้นให้เด็กๆ มีความสุขจากการเรียน ”

ผลผลิตจากโครงการจัดการเรียนรู้ได้ผลิดอกออกผลแล้วรุ่นต่อรุ่น ทำให้ได้เห็นการพัฒนาการของเด็กที่สมวัย ฉลาด ทั้งมิติด้านอารมณ์ จิตใจ สังคม และปัญญา

นายประชุม นิ่มหนู ผู้อำนวยการโรงเรียนโป่งแยงนอก หนึ่งในโรงเรียนที่ร่วมโครงการ ได้เปิดเผยถึงพัฒนาการของเด็กว่า “ระยะเวลากว่า 5 ปี ในการปรับรูปแบบการเรียนการสอนทำให้ได้เห็นพัฒนาการอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เด็กได้เรียนรู้ด้วยความสนุก ด้วยการเปิดมิติการเรียนรู้วิธีใหม่ๆ ทางโรงเรียนเริ่มต้นจากการจัดสภาพแวดล้อมแห่งการเรียนรู้ อาทิ ประดิษฐ์ของเล่นกระตุ้นการเรียนรู้ โดยใช้วัสดุท้องถิ่นง่ายๆ เช่น ยางรถยนต์ มาปรับเป็นของเล่นเปิดการเรียนรู้พร้อมกับหลักสูตรที่มีหนังสือให้เด็กได้มีโอกาสสัมผัสสื่อมากขึ้น ทำให้ผลชี้วัดออกมาเด็กเรียนรู้ได้เร็วและมีความสุข”

ทั้งนี้ โครงการพัฒนาหลักสูตรการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีการพัฒนาการของสมองยังคงเร่งดำเนินการรุกหน้าต่อไป โดยวัตถุประสงค์หลักเพื่อกระจายแนวคิดการจัดการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับสมองเยาวชนแต่ละช่วงวัย โดยสนับสนุนการวิจัยหลักสูตรและทดลองใช้ในกลุ่มโรงเรียนตัวอย่าง โดยมุ่งเป็นต้นแบบให้โรงเรียนทั่วประเทศไทยได้พัฒนาการจัดการเรียนการสอน อันจะส่งผลต่อการพัฒนาเยาวชนให้ฉลาดสมวัยเพื่อเป็นขุมพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติต่อไป

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version