นายพันธุ์เทพ ทานชิติกุล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า งานรับสร้างบ้าน 2009 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-23 สิงหาคม 2552 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างงดงาม โดยสามารถทำยอดขายได้กว่า 2,000 ล้านบาท มากกว่าประมาณการที่ตั้งไว้ที่ 1,500 ล้านบาท โดยเหตุผลสำคัญเนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่เริ่มมีความเชื่อมั่นในเรื่องของภาพรวมของเศรษฐกิจที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในอนาคต ประกอบกับราคาบ้านในปัจจุบันยังอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่สูงมาก รวมถึงการกระตุ้นภาพรวมตลาดของสมาคม ฯ ที่จัดโปรโมชันพิเศษสำหรับผู้จองปลูกสร้างบ้านภายในงาน ไม่ว่าจะเป็นการแจกรถยนต์ ฮอนด้า แอคคอร์ด วัสดุก่อสร้าง 10 รายการ และ ทีวี แอลซีดี คิดเป็นมูลค่ารวมถึง 2.5 ล้านบาท
สำหรับระดับราคาบ้านที่ผู้บริโภคให้ความสนใจ และมีสัดส่วนยอดขายภายงานมากที่สุดคือกลุ่มราคา 2.5—5 ล้านบาท คิดเป็น 37 % ของยอดรวมทั้งหมด รองลงมาเป็นกลุ่มราคา 5-10 ล้านบาท คิดเป็น 20% ส่วนที่เหลือเป็นกลุ่มราคาที่ต่ำกว่า 2.5 ล้านบาท กลุ่มราคา 10-20 ล้านบาท และกลุ่มราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป
ในส่วนของค่าเฉลี่ยของบ้านพบว่า ราคาขายเฉลี่ยต่อหลังภายในงานรับสร้างบ้าน 2009 อยู่ที่หลังละ 4.2 ล้านบาท เทียบกับราคาขายเฉลี่ยต่อหลังภายในงานเมื่อปีที่แล้วถือว่ามีค่าเฉลี่ยที่ใกล้เคียงกัน ขณะที่ในส่วนของผู้เข้าชมงาน ในปีนี้ลดลงกว่า 25% โดยมีผู้เข้าชมงานรวมประมาณ 60,000 คน ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลมาจากภาพรวมทางด้านเศรษฐกิจทำให้ผู้บริโภคที่ไม่มั่นใจไม่ออกมาชมงาน
“ปีนี้ในด้านของผู้เข้าชมงานลดลง แต่ยอดขายภายในงานกลับปรับตัวสูงขึ้น ส่วนหนึ่งวิเคราะห์ได้ว่ากลุ่มที่เข้ามาชมงานเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อจริง และกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจรับสร้างบ้าน ไม่ได้รับผลกระทบกับภาวะเศรษฐกิจมากนัก ประกอบกับผู้บริโภคให้การยอมรับและเข้าใจในธุรกิจรับสร้างบ้านเพิ่มมากขึ้นด้วย ตัวเลขยอดขายภายในงานคาดว่าจะมีส่วนในการช่วยกระตุ้นยอดขายในตลาดรับสร้างบ้านในช่วงครึ่งปีหลัง โดยคาดว่าน่าจะมียอดขายที่ติดตามหลังงานอีกไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท” นายพันธุ์เทพ กล่าว
นายพันธุ์เทพ กล่าวต่อไปว่า จากการจัดทำแบบสอบถามภายในงานเพื่อสำรวจความคิดเห็น พบว่าความต้องการ ปลูกสร้างบ้านในปี 2552-2553 ยังคงมีอยู่มากที่สุดคิดเป็นอัตราส่วน 67% ขณะที่ระดับราคาบ้านที่ผู้บริโภคให้ความสนใจมากที่สุดจะเป็นกลุ่มราคาต่ำกว่า 2.5 ล้านบาทคิดเป็น 41.33% ล้านบาท รองลงมาเป็นกลุ่มราคา 2.5 - 5 ล้านบาท คิดเป็น 37% คาดว่าจากยอดขายภายในงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับความต้องการปลูกสร้างบ้านยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง น่าจะทำให้มูลค่าตลาดรวมของธุรกิจรับสร้างบ้านสามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาทได้ ส่วนในปี 2553 สมาคมฯ ก็ยังมีเป้าหมายที่จะเร่งขยายส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้น โดยคาดว่ากลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านน่าจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้น โดยการมุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์ธุรกิจรับสร้างบ้านให้เป็นที่ยอมรับกับผู้บริโภค
ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ บริษัท โอเอซิส มีเดีย จำกัด โทร.0-2937-4735
Email :, [email protected], [email protected], [email protected]