ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยความเป็นจริงแล้ว การเสนอประกาศกระทรวงพาณิชย์ เพื่อกำหนดให้น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นสินค้าที่มีมาตรการจัดระเบียบการนำเข้าในครั้งแรก ได้กำหนดให้กรมธุรกิจพลังงานเป็นหน่วยงานเห็นชอบผู้นำเข้าน้ำมันเชื้องเพลิงอยู่แล้ว แต่เนื่องจากคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีคณะที่ 2 ได้ให้ความเห็นในการพิจารณาตรวจร่างประกาศฯ ว่าประกาศฯ ดังกล่าวได้อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. 2552 ซึ่งเป็นอำนาจของกระทรวงพาณิชย์ ต้องให้กรมการค้าต่างประเทศเป็นผู้ให้ความเห็นชอบก่อน แล้วกระทาวงพาณิชย์จึงมอบอำนาจให้กรมธุรกิจพลังงานในภายหลัง จึงได้มีการลงนามบันทึกความ ตกลงฯ ในครั้งนี้ขึ้น
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ออกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นสินค้าที่มีมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2552 ซึ่งจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2552 เป็นต้นไป โดยกำหนดให้ผู้นำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงที่ไม่เป็นไปตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2543 ผู้นำเข้า เอทานอล และผู้นำเข้าไบโอดีเซล ต้องเป็นผู้ที่อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเห็นชอบให้นำเข้าโดยคำแนะนำของกรมธุรกิจพลังงาน
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิง กรมการค้าต่างประเทศจึงได้มอบอำนาจให้กรมธุรกิจพลังงานซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับพลังงานเชื้อเพลิงเป็นผู้เห็นชอบการนำน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาในราชอาณาจักรแทนกรมการค้าต่างประเทศ โดยการมอบอำนาจในครั้งนี้เป็นการมอบอำนาจระหว่างกรมที่ต่างกระทรวงซึ่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 กำหนดให้ทำเป็นบันทึกความตกลง และลงนามระหว่างปลัดกระทรวง และอธิบดีที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการลงนามบันทึกความตกลงในครั้งนี้จึงเป็นการลงนามระหว่างปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงพลังงาน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน
นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ กล่าวในตอนท้ายว่า การลงนามบันทึกความตกลงในครั้งนี้เป็นนิมิตหมาย อันดีของความร่วมมือระหว่างส่วนราชการที่ได้ร่วมกันกำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขในการอำนวยความสะดวกให้ภาคเอกชน และมีการมอบหมายภารกิจต่อหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญ และความรู้ความเข้าใจในสินค้านั้น ๆ อย่างแท้จริง เป็นหน่วยงานปฏิบัติ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมต่อไป
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้การพิจารณาเห็นชอบให้นำน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาในราชอาณาจักรมีความเรียบร้อยและรัดกุม กรมการค้าต่างประเทศได้หารือร่วมกับกรมธุรกิจพลังงาน และได้กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการเห็นชอบให้นำน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาในราชอาณาจักร โดยได้นำลง ราชกิจจานุเบกษาให้มีผลใช้บังคับแล้ว
ทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ สำนักบริหารการค้าสินค้าทั่วไป โทร. 02 547 4804 หรือสายด่วนกรมการค้าต่างประเทศ โทร 1385 และสามารถดูรายละเอียดประกาศฯ ได้ที่ Website: www.dft.go.th