ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น บริษัท เซาท์เทิร์นสตีล จำกัด (มหาชน) หรือ 2S ที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันนี้ (2 กันยายน 2552) เป็นวันแรก เปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 2.50 บาท สูงกว่าราคาจอง 0.60 บาท(ราคาจอง 1.90 บาท/หุ้น) และปิดตลาดที่ระดับ 2.86 บาท สูงกว่าราคาจอง 0.96 บาท หรือ 50.52% มีมูลค่าการซื้อขายรวม 125.79 ล้านบาท
นายแสงรุ้ง นิติภาวะชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซาท์เทิร์นสตีล จำกัด (มหาชน) (2S) เปิดเผยว่ารู้สึกพอใจที่ในวันนี้หุ้น 2S ที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai เป็นวันแรกปิดการซื้อขายที่ระดับเหนือราคาจอง โดยคาดว่าเป็นผลมาจากนักลงทุนมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและผลประกอบการมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าให้กับการลงทุนในอนาคต
“คาดว่าที่ราคาหุ้นยืนเหนือจองในวันนี้เป็นผลมาจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะผลประกอบการที่ขยายตัวต่อเนื่องทุกปี และภาระหนี้สินอยู่ในระดับต่ำมาก ในฐานะที่เป็นผู้บริหารหลังจากนี้ก็คงเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนงานที่วางไว้ต่อไป ซึ่งมั่นใจว่าจะไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง โดยจะบริหารงานให้มีประสิทธิภาพเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดี เพื่อให้สมกับที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ถือหุ้นทุกคน”
นายแสงรุ้งกล่าวอีกว่า ในครึ่งปีแรกบริษัทฯ มีรายได้อยู่ที่ 1,200 ล้านบาท และถึงแม้ว่าในขณะที่ไตรมาสแรกปีนี้ราคาเหล็กจะผันผวนแต่รวมแล้วครึ่งปีแรกยังคงสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (margin) ไว้ที่ 8.47% ได้ ในขณะแนวโน้มธุรกิจเหล็กในครึ่งปีหลังเชื่อว่ามีทิศทางเริ่มฟื้นตัวชัดเจน จากการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ที่จะทยอยลงสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ ได้รับผลดีจากปัจจัยดังกล่าวตามไปด้วย ประกอบกับแนวโน้มราคาเหล็กในครึ่งปีหลังมีโอกาสเคลื่อนไหวในทิศทางที่ดีตามความต้องการใช้เหล็กที่คาดว่าจะสูงขึ้นดังกล่าว จึงคาดว่าจะสนับสนุนให้ผลประกอบการของบริษัทฯ มีโอกาสปรับตัวดีตามไปด้วยเมื่อเปรียบเทียบกับครึ่งปีแรก
นายชูพงศ์ ธนเศรษฐกร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (CGS) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นของ บริษัท เซาท์เทิร์น สตีล จำกัด (มหาชน) (2S) กล่าวว่าพอใจที่หุ้น 2S ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ซึ่งเชื่อว่าเป็นผลมาจากหุ้นดังกล่าวมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี ประกอบกับกำหนดราคาไอพีโอที่เหมาะสม
“ที่ 2S ปิดแบบยืนเหนือราคาจองได้อย่างแข็งแกร่ง สวนทางดัชนีฯ ในวันนี้ที่เคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ เชื่อว่าส่วนหนึ่งมาจากการกำหนดราคาขายที่เหมาะสม และนักลงทุนมั่นใจในบริษัทฯ ที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ซึ่งรู้สึกพอใจกับผลงานในครั้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมั่นใจว่ากระแสการตอบรับหุ้น 2S อย่างอบอุ่นของนักลงทุนจะช่วยเข้ามาปลุกกระแสหุ้น IPO โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กซึ่งไม่ได้เข้ามาจดทะเบียนทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์มาเป็นระยะเวลานานพอสมควรให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง” นายชูพงศ์ กล่าวในที่สุด
ข้อมูล บริษัท เซาท์เทิร์นสตีล จำกัด (มหาชน)
บริษัท เซาท์เทิร์นสตีล จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเหล็กแผ่น ท่อเหล็ก เหล็กรางรูปตัวซีลวดตะแกรงเหล็ก และผลิตภัณฑ์เหล็กรูปพรรณอื่นๆ เช่น เหล็กฉากพับ เหล็กแบนตัด เหล็กตัวซีพับ และเหล็กรางพับให้แก่ลูกค้าในภาคใต้ของประเทศและประเทศมาเลเซีย โดยมีกำลังการผลิตรวมประมาณ 145,800 ตันต่อปี(ไม่รวมกำลังการผลิตของเหล็กม้วนแถบเล็ก) ซึ่งแบ่งเป็นกำลังผลิตของเหล็กแผ่น (Steel Sheet) ประมาณ 30,000 ตันต่อปีเหล็กตัวซีประมาณ58,000 ตันต่อปีท่อเหล็กประมาณ 48,000 ตันต่อปีเหล็กแบนพับประมาณ 5,000 ตันต่อปีและลวดตะแกรงเหล็ก (Wire Mesh)ประมาณ 4,800 ตันต่อปี นอกจากนี้บริษัทยังดำเนินธุรกิจซื้อมาและจำหน่ายไปผลิตภัณฑ์เหล็กรูปพรรณอื่นๆ ที่บริษัทไม่ได้ผลิตเอง เช่น ท่อเหล็กชุบสังกะสีเหล็กฉาก เหล็ก H-Beam เหล็ก I-Beam เหล็กรางน้ำ เหล็กแผ่นลาย เหล็กม้วน และเหล็กเพลาขาว เป็นต้น หรือท่อเหล็ก เหล็กรางรูปตัวซีและลวดตะแกรงเหล็กซึ่งมีขนาดที่บริษัทไม่สามารถผลิตเองได้
ปัจจุบัน บริษัทมีทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้ว 200,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 200,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ทั้งนี้ บริษัทมีความประสงค์ที่จะนำเงินสุทธิจำนวนประมาณ 105.28 ล้านบาท ที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรกจำนวน 60,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 30 ของทุนจดทะเบียนของบริษัท ในราคาหุ้นละ 1.90 บาท ไปใช้สำหรับเป็นเงินทุนหมุนเวียน
บริษัท นีสเทิร์นสตีล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย โดย 2S ถือหุ้นร้อยละ 99.99 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 90 ล้านบาท ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเหล็กแผ่น ท่อเหล็ก เหล็กรางรูปตัวซี รวมทั้งดำเนินธุรกิจซื้อมาและจำหน่ายไปผลิตภัณฑ์เหล็กรูปพรรณอื่นๆ เช่น ท่อเหล็กชุบสังกะสีเหล็กฉาก เหล็ก H-Beam เหล็ก I-Beam เหล็กรางน้ำ เหล็กแผ่นลาย เหล็กม้วน และเหล็กเพลาขาว เป็นต้น หรือท่อเหล็ก และเหล็กรางรูปตัวซี ซึ่งมีขนาดที่บริษัทย่อยไม่สามารถผลิตเองได้ ให้แก่ลูกค้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ โดยมีกำลังการผลิตรวมประมาณ 137,000 ตันต่อปี (ไม่รวมกำลังการผลิตของเหล็กม้วนแถบเล็ก) ซึ่งแบ่งเป็นกำลังผลิตของเหล็กแผ่น (Steel Sheet) ประมาณ 30,000 ตันต่อปี เหล็กตัวซีประมาณ 80,000 ตันต่อปีท่อเหล็กประมาณ 27,000 ตันต่อปี
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
IR PLUS : คุณจุฬารัตน์ เจริญภักดี (ฟ้า) Tel 02-5549395 E-mail : [email protected]