นโยบายด้านความปลอดภัยของเด็กนักเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครเป็นนโยบายสำคัญที่ผู้บริหารโรงเรียน ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ต้องให้ความสำคัญในลำดับต้น ผู้บริหารโรงเรียนต้องหมั่นตรวจสอบอาคารเรียน ห้องน้ำ สนามเด็กเล่น อุปกรณ์ และเครื่องใช้ทุกชนิดที่อาจเป็นอันตรายต่อเด็กนักเรียน ถ้าชำรุดหรือเสียหายให้รีบดำเนินการซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพดีและปลอดภัยอยู่เสมอ การสร้างรั้วรอบโรงเรียนเพื่อป้องกันบุคคลภายนอกเข้ามาในโรงเรียน การจ้างยามรักษาความปลอดภัยทั้ง 435 โรงเรียน ภายในภาคเรียนที่ 2 การติดตั้งกล้องวงจรปิด CCTV ให้ครบทุกโรงเรียน นอกจากนี้ยังได้ประสานความร่วมมือระหว่างชุมชนหน่วยงานองค์กรภาครัฐ และเอกชน ในป้องกันคุ้มครอง ดูแลให้ความรู้ในเรื่องสารเสพติด เหล้าปั่น อบายมุข และการทะเลาะวิวาท เมื่อมีเหตุทะเลาะวิวาทในโรงเรียน ผู้บริหารโรงเรียนต้องแจ้งผู้อำนวยการเขต สำนักการศึกษา และผู้บริหารกรุงเทพมหานครทันที แก้ไขและรายงานให้ผู้บริหารทราบตามขั้นตอน อีกทั้งการใช้ระบบสารวัตรนักเรียนติดตามดูแลนักเรียนอย่างเข้มงวดหลังเลิกเรียน ส่วนการลงโทษนักเรียนเป็นหน้าที่ของผู้บริหารโรงเรียนหรือครูที่ได้รับมอบหมายจากผู้บริหารโรงเรียนเท่านั้น และการลงโทษนักเรียนในทุกกรณีให้ครูผู้ลงโทษถือปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ. 2548 โดยเคร่งครัด นอกจากนี้กรุงเทพมหานครยังมีโครงการจ้างบัณฑิตอาสา 500 คน ประจำ 435 โรงเรียน เพื่อทำกิจกรรมสร้างจิตสำนึกบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ปัญหาการทะเลาะวิวาทเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้แทบทุกโรงเรียน ที่สำคัญเมื่อมีเหตุทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นแล้ว ทางผู้บริหารโรงเรียนต้องรีบดำเนินการแก้ไข และรายงานให้ผู้บริหารทราบตามโดยทันที ส่วนในเรื่องความปลอดภัยในโรงเรียนนั้นทางกรุงเทพมหานครจะมีกล้องวงจรปิด CCTV รวมทั้งจ้าง รปภ. ดูแลความปลอดภัยโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครทั้ง 453 แห่ง ภายในเทอมหน้า ส่วนเรื่องร้านขายเหล้าปั่นนั้น ทางกรุงเทพมหานครไม่มีอำนาจในเรื่องนี้ แต่ได้ขอให้ครูและเครือข่ายผู้ปกครองเอาใจใส่ ในการป้องกันเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง