พาณิชย์ตั้งเป้าดันยอดส่งออกเกษตรอินทรีย์ เผยแชร์ทั่วโลกพุ่งเกือบ 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ

อังคาร ๑๕ กันยายน ๒๐๐๙ ๑๔:๒๐
พาณิชย์สบช่องหนุนเกษตรอินทรีย์ไทยลุยตลาดต่างประเทศ หลังแนวโน้มทั่วโลกโตต่อเนื่องเกือบแสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ซุ่มเจรจาออสเตรเลียหวังเปิดตลาดใหม่ควบดึงเป็นแม่แบบผุดชุมชนเกษตรอินทรีย์ ตั้งเป้าปีหน้าดันยอดส่งออกพุงเป็น 5,000 ล้านบาท

ผศ.ดร.วีระศักดิ์ จินารัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สินค้าเกษตรอินทรีย์ได้กลายเป็นสินค้าในกลุ่มกระแสหลักที่มีความสำคัญและมีศักยภาพอย่างมาก เนื่องจากผู้บริโภคทั่วโลกกำลังตื่นตัวเรื่องการดูแลสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้มูลค่าตลาดทั่วโลกในปี 2553 มีแนวโน้มเติบโตถึง 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ จากปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

ขณะที่ตลาดส่งออกสำคัญของไทย เช่น ยุโรป มีอัตราการขยายตัว ในปี 2550 สูงถึงร้อยละ 17 โดยมีมูลค่าตลาดประมาณ 16,000 ล้านยูโร ประเทศสหรัฐอเมริกา ขยายตัวร้อยละ 18 มีมูลค่าตลาดประมาณ 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมีสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ข้าว ผลิตภัณฑ์ผักสดและเมล็ดพันธุ์ผัก ผลไม้แปรรูป น้ำตาล น้ำมันปาล์ม นมและผลิตภัณฑ์ และกุ้ง

"ตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ของโลกมีอัตราการขยายตัว ร้อยละ 20 — 25 ต่อปี เห็นได้ว่ายังมีโอกาสสำหรับไทยอีกมาก ดังนั้นผู้ประกอบการต้องเร่งพัฒนาคุณภาพและขยายตลาด จากปัจจุบันสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่ไทยผลิตได้ส่งออกร้อยละ 50 และบริโภคในประเทศอีกร้อยละ50 โดยมีมูลค่าการค้าการส่งออก ในปี 51 ประมาณ 3,200 ล้านบาท สำหรับปีนี้คาดว่ายอดส่งออกจะเป็น 3,600 ล้านบาท และเพิ่มเป้าหมายเป็น 5,000 - 6,000 ล้านบาท ภายในปีหน้า” ผศ.ดร.วีระศักดิ์ กล่าว

กระทรวงพาณิชย์ จึงต้องเร่งดำเนินการตามแผนพัฒนาตลาดเกษตรอินทรีย์ไทยทั้งภายในและต่างประเทศด้วย 4 ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ การพัฒนาความสามารถผู้ประกอบการ ขยายตลาดในประเทศและเชื่อมโยงตลาดสู่การส่งออก สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าและผลิตภัณฑ์ และส่งเสริมให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกทางการค้าแบบครบวงจร โดยที่ผ่านมาได้จัดให้มีกิจกรรมส่งเสริมการตลาด อาทิ การฝึกอบรมและให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการ ส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ นำผู้ประกอบการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าทั้งในและต่างประเทศ พร้อมเปิดให้ผู้ประกอบการได้มีโอกาสเจรจาการค้ากับคณะผู้แทนการค้าจากต่างประเทศ

ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ล่าสุดยังได้มีการเสนอความร่วมมือไปยังประเทศออสเตรเลียซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์รายใหญ่เพื่อช่วยพัฒนาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรอินทรีย์ของไทย อาทิ ข้าว เมล็ดธัญพืชที่ใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารเช้า(ซีเรียล) หน่อไม้ฝรั่ง ข้าวโพดฝักอ่อน กุ้ง น้ำมะพร้าว น้ำกะทิ สับปะรด มะม่วง เป็นต้น ตลอดจนแนะแนวทางร่วมกันพัฒนาตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ในกลุ่มประเทศอาเซียนให้มากขึ้น โดยจัดให้มีการจัดประชุมระหว่างอาเซียนและออสเตรเลียเพื่อปลุกกระแสเกษตรอินทรีย์ในอาเซียน เปิดให้มีเวทีเจรจาในการกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรอินทรีย์ร่วมกัน เพื่อลดขั้นตอนในการส่งออกสินค้าเกษตรอินทรีย์ไปจำหน่ายในตลาดออสเตรเลีย

นอกจากนี้ ยังริเริ่มจัดตั้งศูนย์ข้อมูลสินค้าเกษตรอินทรีย์ ( Australia —Thai Organic Hub )คอยให้ข้อมูลครบวงจรและออนไลน์เพื่อสร้างความรู้ในการพัฒนาด้านการเกษตรแผนใหม่ให้เกษตรกร และผู้ประกอบการ เพื่อให้มีความสามารถในการสร้างรายได้ที่มั่นคงและขับเคลื่อนการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เป็นไปตามข้อตกลงเปิดเสรีทางการค้าระหว่างไทยกับออสเตรเลีย

ทางด้าน นางพิมพาพรรณ ชาญศิลป์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงแนวทางการผลักดันชุมชนเกษตรอินทรีย์ หรือ “ออร์แกนิค คอมมูนิตี้” ว่า หลังจากได้ศึกษาตัวอย่างจากประเทศที่ประสบความสำเร็จในการผลักดันให้เกิดออร์แกนิค คอมมูนิตี้มาแล้ว ทั้งในประเทศแคนาดา สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับประเทศไทย ซึ่งได้เริ่มผลักดันให้เป็นรูปธรรมชัดเจนขึ้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเป็นแห่งแรก เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพความเป็นจังหวัดขนาดใหญ่ ประชากรกลุ่มเป้าหมายมีกำลังซื้อและอยู่ใกล้กับแหล่งผลิต จึงมีความเหมาะสมอย่างยิ่งในการเข้าไปส่งเสริมการค้าการลงทุนด้านเกษตรอินทรีย์อย่างเป็นระบบมากขึ้น

“ขณะนี้ได้เจรจากับเอกชนเพื่อขอพื้นที่จัดแหล่งจำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ทั้งหมดที่ผลิตในจังหวัดอุบลราชธานีและพื้นที่ใกล้เคียง เปิดโอกาสให้สินค้าเกษตรอินทรีย์ได้เข้าสู่ตลาด และอำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคสามารถหาซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น ถือเป็นแนวทางในการขยายตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ และเปิดโอกาสให้สินค้าสามารถเข้าถึงผู้บริโภคภายในประเทศได้กว้างขวาง” นางพิมพาพรรณ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ในช่วงปี 2553-2555 กระทรวงพาณิชย์ยังพุ่งเป้าไปที่การสร้างโอกาสทางการตลาดให้กับสินค้าอื่นๆ ที่นอกเหนือจากสินค้าอาหาร ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวอย่างรวดเร็ว อาทิ ผ้าฝ้าย ของใช้เด็ก สำลี ตุ๊กตา หรือแม้กระทั่งผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้สินค้าเกษตรอินทรีย์ได้ประสบความสำเร็จทั้งในประเทศและเวทีการค้าสากล

ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

อุษณีย์ ถาวรกาญจน์

บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด

โทร. 0 2354 3588 อีเมล : [email protected]

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version