นายนิทัศน์ กล่าวว่า " เหตุผลสำคัญที่ทำให้ปริมาณการซื้อขายข้าวใน AFET เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลจากผู้ประกอบการค้าข้าวที่เข้าร่วมประมูลข้าวในสต็อกรัฐบาลผ่านกลไกตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าใน AFET ที่กระทรวงพาณิชย์ได้เปิดประมูลตั้งแต่ในเดือนสิงหาคม (วันที่ 6 ส.ค.และ 26 ส.ค.) และล่าสุดในเดือนกันยายน (7 กันยายน) ได้เข้ามาซื้อขายเป็นจำนวนมาก ซึ่งในการประมูลแต่ละครั้งมีผู้ประกอบการค้าข้าวให้ความสนใจเข้าร่วมประมูลกว่า 30 -50 ราย มีทั้งโรงสี ผู้ค้าข้าว และผู้ส่งออก หลายระดับซึ่งล่าสุดข้าวหอมมะลิได้มีการประมูลแล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อย คงเหลือเพียงข้าวขาวบางส่วนเท่านั้น และคาดว่าจะดำเนินการประมูลให้เสร็จในช่วงต้นเดือนหน้านี้
การประมูลในรูปแบบนี้ส่งผลให้ผู้ประกอบการหลายรายพอใจกับวิธีการที่รัฐบาลเลือกจำหน่ายสต็อกข้าว โดยวิธีประมูลแบบเสนอส่วนต่างราคา (การประมูลแบบ Basis) เนื่องจากวิธีการประมูลดังกล่าว เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการค้าข้าวทุกระดับ สามารถเข้าซื้อสินค้าในสต็อกของรัฐบาลได้ และสามารถเลือกล็อกราคาล่วงหน้าที่ตนพอใจและกำหนดช่วงเวลาในการรับมอบสินค้าได้ ซึ่งทำให้สามารถบริหารจัดการต้นทุนในการซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งผู้ประกอบการมีความต้องการซื้อข้าวจากรัฐบาล และมีการแข่งขันกันมากในการเสนอส่วนลดและส่วนเพิ่มถึงขนาดที่มีการเสนอส่วนต่างราคาที่เท่ากันหลายล็อตข้าวที่นำมาประมูล อีกทั้งในการประมูลที่ผ่านมาพบว่าช่วงส่วนต่างราคาที่เสนอแคบลงมาเป็นอย่างมาก ดังนั้นปริมาณซื้อขายใน AFET ในช่วงนี้ นอกจากมีผู้ประกอบการค้าข้าว ยังมีนักลงทุนจำนวนมาก ให้ความสนใจเข้ามาซื้อขายกันเป็นจำนวนมาก อันถือได้ว่าเป็นจังหวะและโอกาสการลงทุนสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มผลตอบแทนให้กับพอร์ตการลงทุน ”นายนิทัศน์ กล่าวในที่สุด
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
คุณอิสราพร กิจไพฑูรย์
ฝ่ายการตลาด
ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET)
โทร 0-2263-9888, 0-2251-9535
หรือ www.afet.or.th