? รับรู้รายได้ต่อเนื่องและผลขาดทุนในบริษัทย่อยที่ลดลง ส่งผลให้กำไรใน 2H/52 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 137% hoh: แม้การชะลอประกาศผลการประมูลงานก่อสร้างในประเทศบางส่วน อาทิ โครงการท่อส่งก๊าซ เส้น 4 (สระบุรี-ระยอง) จะทำให้การเติบโตของรายได้ในช่วง 2H/52 อาจขยายตัวต่ำกว่าที่ประมาณไว้ อย่างไรก็ตาม มูลค่างานในมือปัจจุบันที่อยู่สูงกว่า 1864 ล้านบาท โดยจะรับรู้รายได้ใน 2H/52 ประมาณ 60% ส่งผลให้รายได้ใน 2H/52 ยังเติบโต 10% hoh สำหรับการรับงานเป็นผู้รับเหมาฯเบ็ดเสร็จ (EPC*) อีกทั้งยังมีการว่าจ้างให้รับงานพิเศษต่อเนื่อง (Additional work) ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ของบริษัทยังทรงตัวในระดับสูงเฉลี่ย 16-18% อีกทั้ง งานที่มีผลขาดทุนในส่วนของบริษัท สหการวิศวกร เริ่มหมดไป ปัจจัยดังกล่าว ส่งผลต่อเนื่องให้กำไรสุทธิรวมใน 2H/52 ของ TRC ปรับเพิ่มขึ้น 137% hoh เป็น 49 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากเทียบ yoy พบว่ากำไรสุทธิจะลดลง 63% yoy อันเป็นผลมาจากการรับรู้รายได้ที่โดดเด่นใน Q4/51
? งบกระตุ้นเศรษฐกิจ (SP2) และงานวางท่อก๊าซฯ เส้นที่ 4 ของ ปตท. ผลักดันให้ผลการดำเนินงานปี 2553 เติบโตโดดเด่น 128%yoy: แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยผ่านการลงทุนก่อสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานต่างๆ อาทิ การขยายและซ่อมแซมถนนทั่วประเทศ การวางระบบชลประทาน คาดจะส่งผลบวกต่อบ. ย่อย สหการ ที่เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างชั้น 1 ทั้งในส่วนของกรมทางหลวงและกรมชลประทาน ประกอบกับ TRC มีแนวโน้มสูงที่จะได้รับงานประมูลงานวางท่อก๊าซฯ เส้นที่ 4 ของปตท. มูลค่า 2,000 - 3,000 ล้านบาท เพราะมีผลงานที่โดดเด่นในช่วงที่ผ่านมา อาทิ งานวางท่อก๊าซธรรมชาติสงขลา, แก่งคอย, งานวางท่อก๊าซ NGV สุวรรณภูมิงาน ซึ่งจะช่วยหนุนให้รายได้ปี 2553 เติบโตกว่า 18.5% yoy และ SCRI ประเมินต้นทุนคงทึ่ที่ลดลงจากปริมาณที่อยู่ในระดับสูงและจุดเด่นในการรับงาน EPC ทำให้ GPM ปี 2553 ปรับตัวขึ้นเป็น 17% และส่งผลต่อเนื่องให้กำไรสุทธิปี 2553 เติบโตโดดเด่นสูงถึง 128% yoy เป็น 160 ล้านบาท
? ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติภายในประเทศที่ยังเติบโต บวกกับงานจากต่างประเทศที่สร้างรากฐานไว้ หนุนให้ผลการดำเนินงานปี 2552-2554 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง: การดำเนินธุรกิจที่มีความโดดเด่นและแตกต่างจากผู้รับเหมาฯรายอื่น โดยอาศัยจุดเด่นจากความชำนาญในการวางท่อก๊าซและเน้นการเติบโตที่ควบคู่ไปกับ ปตท. ที่มีแผนการลงทุนในธุรกิจก๊าซในช่วง 5 ปีข้างหน้าเป็นสัดส่วนสูงกว่า 58% ของงบการลงทุน 70,696 ล้านบาท เพื่อรองรับอุปสงค์การใช้ก๊าซฯ ของโรงไฟฟ้าและภาคอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตเฉลี่ยต่อปี 4% และ 8% (ที่มา EPPO)
อีกทั้งการร่วมทุนกับผู้ประกอบที่มีความชำนาญด้านปิโตรเคมีในต่างประเทศ ทำให้บริษัทมีโอกาสในการขยายการรับงานไปสู่ต่างประเทศมากขึ้น โดยล่าสุด บริษัทได้รับงานวางโครงข่ายท่อก๊าซฯในประเทศโอมานจาก บ. Petro Rima มูลค่า 864 ล้านบาทจากมูลค่าโครงการทั้งหมด 1,368 ล้านบาท และอยู่ระหว่างรอผลการประมูลงาน Desalination (การกลั่นน้ำทะเลเป็นน้ำจืด) ที่ประเทศนามิเบียมูลค่างาน 5,000 - 6,000 ล้านบาท สำหรับลักษณะของงานส่วนใหญ่ซึ่งเป็นแบบผู้รับเหมารายเดียว (EPC) และมี Additional work รวมถึงได้รับผลบวกของงานต่างประเทศที่มี GPM สูงราว 20% ช่วยผลักดัน GPM ให้ทรงตัวในระดับสูงที่ 16 - 18% และทำให้ SCRI ประเมินแนวโน้มกำไรสุทธิปี 2552-2554 เติบโตเฉลี่ย 62% CAGR โดยคาดกำไรสุทธิปี 2553 และ 2554 เท่ากับ 160 และ 186 ล้านบาท ตามลำดับ
? ปรับคำแนะนำจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ” มูลค่าเหมาะสมปี 2553 3.40 บาท/หุ้น : SCRI ประเมินผลการดำเนินงานของบริษัทได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วง 1H/52 และคาดผลขาดทุนในบริษัทย่อยที่เริ่มลดลง ประกอบกับงานในมือที่ยังอยู่ในระดับสูงจากความเชี่ยวชาญในงานวางท่อก๊าซฯ ทำให้บริษัทยังคงได้รับงานอย่างสม่ำเสมอ ช่วยสนับสนุนให้ผลประกอบการตั้งแต่ใน 2H/52 เป็นต้นไป กลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ดังนั้น SCRI จึงปรับคำแนะนำจากเดิม “ถือ” เป็น “ซื้อ” โดยมีราคาเหมาะสมปี 2553 เท่ากับ 3.40 บาท/หุ้น (DDM, Payout Ratio 35.7%, Re 10.26% G 3.5%)